Genesis Global Capital บริษัทที่ให้บริการกู้ยืมสินทรัพย์ Crypto ในเครือของ Digital Currency Group (DCG) เพิ่งประกาศยื่นคำร้องขอคุ้มครองการล้มละลายไปเมื่อไม่นานมานี้ และกลายเป็นโดมิโน่ตัวแรกของปี 2023 หลังจากถูก SEC ดำเนินคดีในข้อหาเสนอขายสินทรัพย์ที่ไม่มีการจดทะเบียนให้แก่ผู้ใช้บริการเมื่อวันที่ 12 มกราคม ร่วมกับ Gemini แพลตฟอร์มกระดานเทรดที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางบริษัท
นอกจาก Genesis Global Capital แล้ว Genesis Asia Pacific ก็ได้ยื่นยื่นคำร้องขอคุ้มครองการล้มละลาย
เช่นกัน
การล่มสลายของ Genesis เกิด หลังจากความพยายามในการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของ Digital Currency Group ภายหลังจากการล่มสลายของ Three Arrows Capital กองทุนป้องกันความเสี่ยง Crypto ที่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของ Terra Labs เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 ตามมาด้วยการล่มสลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
แม้จะยื่นล้มละลาย แต่ทาง Genesis กล่าวว่า บริษัทยังเหลือเงินทุนที่มีสภาพคล่องอยู่ถึง 150 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการดำเนินงานระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท
ในขณะเดียวกันก่อนหน้านี้นาย Cameron Winklevoss CEO ของ Gemini แพลตฟอร์มกระดานเทรดที่มีความเกี่ยวข้องกับ Genesis จากโครงการ Gemini Earn program ได้ทำการขู่ฟ้องร้องนาย Barry Silbert CEO ของ Digital Currency Group หาก DCG ไม่ยอมทำการคืนเงินจำนวน 900 ล้านดอลลาร์ที่บริษัทล็อคเอาไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน โดยเรียก Genesis ว่าเป็น ประตูที่เปิดไปสู่การกู้คืนสินทรัพย์ให้กับผู้ใช้บริการของ Gemini
แม้ว่า Gemini จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของ Genesis แต่ในเอกสารยื่นฟ้องล้มละลายกลับระบุว่า Genesis ติดหนี้ Gemini อยู่แค่เพียง 765.9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
การล้มละลายของ Genesis ในครั้งนี้ จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า Gemini ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Genesis อย่างใกล้ชิด จะล่มสลายตามไปด้วยหรือไม่ หาก Genesis ไม่สามารถคืนเงินก้อนนี้ให้แก่ทาง Gemini ได้
นอกจาก Gemini แล้ว บริษัทอื่น ๆ ที่มีสภาพเป็นเจ้าหนี้ของ Genesis ยังรวมถึง Cumberland DRW บริษัทเว็บเทรด Crypto, Mirana กองทุน Crypto ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนจาก ByBit, MoonAlpha Finance และ New Finance Income Fund โดยรวมแล้ว Genesis มียอดหนี้คงค้างมูลค่ามากถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์
อ้างอิง: