ก่อนหน้านี้มีการฟ้องผู้ร่วมก่อตั้ง FTX เมื่อเดือนธันวาคมปี 2022 และหลังจากที่เวลาผ่านมาประมาณหนึ่งเดือน เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้ตั้งข้อหากับ Sam Bankman-Fried อย่างเป็นทางการแล้ว
รายงานจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ระบุว่าอดีต CEO รายนี้ถูกตั้งข้อหา “ฉ้อโกงนักลงทุนสินทรัพย์ Crypto ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย FTX” โดยข้อหาที่ออกในวันนี้ระบุว่า Bankman-Fried “ได้มีการปกปิดเรื่องการนำเงินของลูกค้า FTX ไปให้บริษัท Alameda Research กู้ยืม ในขณะที่ระดมทุนจากนักลงทุนได้เงินมากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์”
ก.ล.ต. สหรัฐฯ สั่งจับกุม SBF
การล้มละลายของ Sam Bankman-Fried ถือเป็นหนึ่งในการทำลายล้างอุตสาหกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Crypto ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ FTX ได้วางแผนการฉ้อโกงทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแผนหนึ่งในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ FTX ยังทำลายอุตสาหกรรมกระดานเทรด ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุด
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน การเปิดเผยการฉ้อโกงและอาชญากรรมในนามของ Bankman-Fried นั้นยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และสิ้นสุดการจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และในขณะนี้ก็กำลังไต่ระดับสู่การตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกา
ก.ล.ต. สหรัฐฯ ตั้งข้อหา Sam Bankman-Fried ฐานฉ้อโกงนักลงทุน FTX โดยในการยื่นคำร้องของพวกเขาระบุว่าเขา “วางแผนหลอกลวงนักลงทุนใน FTX Trading Ltd” ยิ่งกว่านั้น การอ้างสิทธิ์ยังเน้นไปที่การบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มของเขาต่อนักลงทุนที่มีศักยภาพ
การยื่นฟ้องระบุว่า หลังจากที่ Bankman-fried ประสบความสำเร็จในการระดมทุนมากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ เขาก็ได้สร้างสิ่งหลอกลวงต่าง ๆ และส่งไปให้กับนักลงทุน
ในรอบการระดมทุนนั้น Bankman-Fried อ้างว่า มันคือการระดมทุนเพื่อ “ส่งเสริมให้ FTX เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ Crypto ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือปรับความเสี่ยงอัตโนมัติที่มีความซับซ้อนของ FTX เพื่อปกป้องทรัพย์สินของลูกค้า”
ทว่าในขณะนี้นักลงทุนทุกคนทั่วโลกได้ทราบแล้วว่าคำกล่าวเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปตามความจริง และตัวเลขบนบัญชีของแพลตฟอร์มก็ไม่ใช่ความจริงเช่นกัน
ที่มา: watcher.guru