<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ของมันต้องมี ! ทำความรู้จัก Bitcoin NFT ‘Ordinal Punk’ ที่ฮิตติดกระแสจนคนแห่กว้านซื้อไม่ยั้ง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากที่ทางสยามบล็อกเชนเผยแพร่ข่าวค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย Bitcoin พุ่งกว่า 122% ดูเหมือนว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพิ่มสูงมากขนาดนี้ จะมาจากคอลเลกชัน NFT ยอดฮิตอย่าง “Ordinal Punk” ซึ่งเป็น NFT ตัวใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นบนเครือข่าย Bitcoin

ขณะนี้ข่าวเกี่ยวกับ Bitcoin NFT กำลังเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Bicoiner จำนวนมากก็ต่างกำลังกล่าวถึงโปรเจกต์หนึ่งที่คล้ายกับคอลเลกชัน CryptoPunks ที่กำลังเพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็ว โดยสิ่งนั้นคือ “Ordinal Punks” นั่นเอง

ในวันนี้เองทางสยามบล็อกเชนจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับคอลเลกชัน NFT ยอดฮิตนี้ ที่อาจราคาพุ่งอย่างรุนแรงในอนาคต แต่ก่อนอื่นเราคงต้องมารู้กันก่อนว่า “Ordinals” คืออะไร

ทำความรู้จักกับโปรโตคอล Ordinals

ในการอัปเกรด Taproot ทำให้ บล็อกเชน Bitcoin ได้รับการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ หลายอย่างเข้ามา และหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มรูปภาพสกุล jpg โดยตรงเข้าไปบน satoshi โดยไม่ต้องใช้เหรียญหรือ chain อื่น ๆ มาช่วย

Rodarmor อดีตผู้สนับสนุน Bitcoin Core ได้ออกแบบและใช้โปรโตคอลใหม่ที่เรียกว่า Ordinals เพื่อถ่ายโอน satoshi แต่ละตัวบนเครือข่าย Bitcoin และใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างจุดยึดเพื่อตรึงอยู่กับ NFT

Ordinals เป็นโปรเจกต์แรกที่มีเป้าหมายเพื่อนำ NFT เข้าสู่ระบบนิเวศของ Bitcoin โดย คอลเลกชัน NFT สร้างขึ้นบน Bitcoin-native Ordinals Protocol โดยมี NFT 100 ชิ้นเช่นเดียวกับคอลเลกชัน CryptoPunks ของ Yuga Labs ที่ถูกสร้างขึ้นบน Ethereum

Ordinals คือรูปแบบการกำหนดหมายเลข satoshi เพื่อช่วยให้สามารถติดตามและถ่ายโอน satoshi แต่ละรายการได้ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเรียกว่า “หมายเลขลำดับ” หรือ ordinal numbers โดย satoshi จะมีหมายเลขตามลำดับที่ขุดและโอนจากธุรกรรม inputs ไปยังธุรกรรม outputs แบบ  first-in-first-out

การใช้ความสามารถของหมายเลขลำดับในการระบุและแท็ก satoshi แต่ละรายการ จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ satoshi เข้ากับไฟล์ดิจิทัล และเผยแพร่ไปยังบล็อกเชนของ Bitcoin

สิ่งนี้ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการอัปเกรด Taproot เมื่อปี 2021 เพื่อเปิดใช้พื้นที่เก็บข้อมูลแบบไม่จำกัด โดยใช้ Opcodes ซึ่งเป็นสคริปต์สั่งการใน txn (ธุรกรรม) ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลตามอำเภอใจได้ และจากการที่ Ordinals ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ใน Bitcoin จึงไม่จำเป็นต้องมีบล็อกเชนอื่นหรือเหรียญแยกต่างหากที่สร้างขึ้นสำหรับ NFT

Ordinal NFT ต่างจาก NFT อื่น ๆ อย่างไร?

ขณะนี้โปรเจกต์ NFT ในระบบนิเวศของ Bitcoin ถูกสร้างบน Liquid Side Chain เป็นหลัก ซึ่งต้องใช้กระเป๋าเงินที่รองรับ chain นี้ ในขณะที่ NFT ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นโทเค็นที่สร้างขึ้นโดยใช้ smart contract

สำหรับการใช้งาน NFT บนบล็อกเชนสัญญา smart contract ในปัจจุบัน  NFT จะถูกแยกจากกัน โดยไฟล์อาจโฮสต์บน cloud server ของเครื่องมือสร้างเหรียญ เช่น OpenSea หรืออาจโฮสต์บนระบบไฟล์เปิดเช่น IPFS แต่ถ้าหากบริการจัดเก็บไฟล์นั้นหยุดทำงาน หรือไฟล์เสียหาย NFT นั้นจะไม่สามารถแสดงภาพจากไฟล์นั้นได้อีกต่อไป

Ordinals สามารถจัดเก็บข้อความ รูปภาพ SCG หรือ HTML บนเครือข่าย และสามารถอนุญาตผ่านการทำธุรกรรม นอกจากนี้ยังสามารถซื้อ จัดเก็บ และมอบเป็นของขวัญได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เพิ่มลงในบล็อกเชน Bitcoin โดยใช้ Ordinals จะต้องมีขนาดไม่เกิน 4MB แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าข้อมูลเหล่านี้จะต้องเป็นลิงก์รูปภาพเสมอไป

NFT คอลเลกชัน Ordinal Punks ขายหมดแล้ว!

NFT คอลเลกชัน Ordinal Punks ถูกสร้างขึ้นบน inscriptions 650 อันแรกของเครือข่าย Bitcoin และมีจำนวน NFT ทั้งหมด 100 ชิ้น อย่างไรก็ตาม NFT คอลเลกชัน Ordinal Punksได้ขายออกทั้งหมดแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ โดยเมื่อช่วงสายของวันพุธที่ผ่านมา Ordinal Punk ชิ้นหนึ่งได้ถูกขายไปในราคา 9.5 BTC หรือประมาณ 7 ล้านบาท

แนวคิดของ Bitcoin NFT ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนภายในชุมชนของบล็อกเชน บางคนเชื่อว่าบล็อกเชนควรจำกัดเฉพาะธุรกรรมทางการเงิน ในขณะที่คนอื่น ๆ ชี้ว่าความนิยมของ Ordinal Protocol เป็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในบล็อกเชนมากขึ้น

Sam Callahan นักวิเคราะห์ Bitcoin จากบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน Swan Bitcoin กล่าวกับสื่อข่าว CoinDesk ว่าในขณะที่ความนิยมของ Ordinal Punks จะผลักดันความต้องการพื้นที่บล็อก รายได้จากการขุดแร่ และการยอมรับ Taproot อย่างไรก็ตาม Ordinal Punks ก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงเสียทีเดียว

“ในระยะยาว ถ้าหากความต้องการ inscriptions พิสูจน์ได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความเสี่ยงที่ inscriptions ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อกรณีการใช้งานอื่น ๆ ของ Bitcoin เช่น การชำระเงินผ่าน Lightning Network เนื่องจากการบิดเบือนค่าธรรมเนียมของ Bitcoin จากการใช้เป็นเงินเป็นโปรโตคอลการเงินแบบเปิด” Callahan กล่าว

ที่มา: coindesk, thebitcoinmanual, CryptoTelugu