Joe Biden ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ได้เพิ่มพยายามที่จะแบน Bitcoin, Ethereum และ Crypto สกุลอื่น “อย่างเงียบ ๆ” ด้วยนโยบาย Operation Choke Point 2.0 ที่จะบังคับใช้ในปี 2023 เพื่อโละอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็นออกจากการให้บริการโดยภาคธนาคาร
“คนในวงการ Crypto บางคนเชื่อว่า การกระทำล่าสุดในเป็นการกีดกันอุตสาหกรรม Crypto และตัดความเชื่อมโยงระหว่าง Crypto กับระบบธนาคารนี้ ซึ่งการดำเนินดังกล่าวมีลักษณะคล้ายคลึงกับนโยบายในยุครัฐบาลของ Barack Obama” Nic Carter นักลงทุนใน Crypto ที่ Castle Island Ventures เขียนในโพสต์ที่ได้รับการเผยแพร่โดยนักลงทุน Mike Solana
“รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังใช้ภาคธนาคารในการจัดระเบียบอย่างซับซ้อน เพื่อปราบปรามอุตสาหกรรม Crypto” Nic Carter กล่าว
“ความพยายามของฝ่ายบริหารของรัฐไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับ พวกเขาแสดงมันออกมาผ่านโน้ต กฎระเบียบ และโพสต์บนบล็อกต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตความกว้างของแผนการนี้ ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่กำกับดูแลภาคการเงินและมีการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในวงการ Crypto มาอย่างยาวนานยังรู้สึกกังวลว่า ธุรกิจ Crypto อาจจบลงด้วยการไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาคธนาคาร Stablecoin อาจถูกทอดทิ้งและไม่สามารถเข้าหรือออกจากตลาด Crypto ได้ จนในที่สุดกระดานเทรดอาจถูกตัดขาดจากระบบธนาคารอย่างสิ้นเชิง”
แต่อย่างไรก็ตามการกระทำนี้ “อาจเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ และอาจทำให้ทั้งโลกมุ่งไปที่ความสำคัญของ Crypto และเทคโนโลยี บล็อกเชน” Marcus Sotirious นักวิเคราะห์ตลาดจาก GlobalBlock บริษัทโบรคเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลกล่าว
รัฐบาล Joe Biden ได้กล่าวว่า สภาคองเกรสจำเป็นต้อง “เพิ่มความพยายาม” ในการออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับ Bitcoin และตลาด Crypto เตือนว่าการผูก Crypto เข้ากับระบบการเงินเป็น “ความผิดพลาดใหญ่หลวง” ที่จะนำมาซึ่งการล่มสลายของระบบการเงินโลก
มุมมองของรัฐบาล Joe Biden ที่มีต่อ Bitcoin และ Crypto ได้ทำให้ “ผู้ประกอบการใน Crypto หลายคนบอกผมว่า พวกเขากำลังรอคอยปี 2025 ในการทำให้วงการ Crypto กลับตัวเป็นขาขึ้น” Nic Carter เสริม
ที่มา: Forbes