<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มูลค่าตลาด Crypto ร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้งท่ามกลางความกลัวเรื่องกฎระเบียบจาก SEC

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มูลค่าตลาดรวมของ Crypto ได้กลับสู่ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้งหลังจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตลาดเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนเนื่องจากความกลัวด้านกฎระเบียบจำนวนมาก โดยสินทรัพย์ดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin (BTC) ได้ทำราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกได้ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์มาอยู่ที่ 9.97 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ตลาดได้ทำระดับราคาอยู่ราว 1.028 ล้านดอลลาร์ก่อนร่วงลงตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

แผนภูมิมูลค่าตลาด crypto ทั่วโลกของ YTD ที่มา: CoinMarketCap

เป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตลาด Crypto เพิ่งมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์มาได้และดึงดูดนักลงทุนให้กลับเข้ามาสู่อุตสาหกรรมคริปโตอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในขณะนั้น Bitcoin ยังคงมีมูลค่าต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันดูเหมือนความเชื่อมั่นของตลาดล่าสุดที่ได้ผลักดันให้ Bitcoin ทำราคาแตะ 25,000 ดอลลาร์นั้นจะเป็นโมฆะอย่างสิ้นเชิง 

ตามเวลาปัจจุบัน Bitcoin ซื้อขายที่ 21,698 ดอลลาร์โดยขาดทุน 0.7% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แม้จะขาดทุนแต่สินทรัพย์ก็ยังเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 4.18 แสนล้านดอลลาร์

การโจมตีของ ก.ล.ต. ส่งผลกระทบต่อ Crypto

การโจมตีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กลายเป็นส่วนเกินในตลาดเนื่องจากพวกเขากำลังมุ่งเป้าหมายไปที่กิจกรรม Staking เป็นส่วนใหญ่ โดยกระดานเทรดชื่อดังอย่า่ง Kraken ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกันและถูกระงับผลิตภัณฑ์ Staking ทั้งหมดรวมทั้งต้องจ่ายเงิน 30 ล้านดอลลาร์ให้กับสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากมีข้อกล่าวหาว่าบริการละเมิดกฎระเบียบอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ก.ล.ต. วางแผนที่จะฟ้องผู้ออก Stablecoin Paxos โดยอ้างว่า Binance USD (BUSD) เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอย่าง Michaël van de Poppe แนะนำว่าสิ่งนั้นควรเป็น Bitcoin เสียมากกว่า ทั้งนี้การปรับฐานของตลาดทั่วไปไม่ใช่ปัญหาหลักแต่ FUD อาจส่งผลให้นักลงทุนออกจากตลาดมากขึ้น 

อย่างไรก็ตามด้วยความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้น นักลงทุนจึงกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้การลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น Bitcoin อยู่ภายใต้แรงกดดัน