CPI (Consumer Price Index) หรือดัชนีราคาผู้บริโภค คือการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการจากมุมมองของผู้บริโภค ซึ่งสามารถใช้เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการบริโภค รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดได้
หากตัวเลขตามดัชนีนี้สูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ อาจนำไปสู่ขาขึ้นของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางกลับกัน หากดัชนีนี้ต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ อาจหมายถึงขาลงของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
CPI มีการคำนวนทุกเดือนโดย สำนักสถิติแรงงาน (BLS) ทุกเดือน ด้วยการเก็บข้อมูล, ตัวอย่างราคา และดัชนีราคา ทำให้ CPI ต่างจาก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่คำนวนจากราคาที่ได้รับจากผู้ผลิตสินค้าและบริการ
CPI มักถูก ธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (FED) นำไปใช้เพื่อกำหนดทิศทางของนโยบาย โดยมีเป้าหมายในการคงอัตราเงินเฟ้อที่ 2%และหากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่ต้องการ FED จะทำการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคารของสหรัฐฯ
CPI ยังมีอิทธิพลต่อตลาดการเงินภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เมื่อ CPI มีตัวเลขที่สูงขึ้น รัฐบาลมักจะมีความเข้มงวดน้อยลง ทำให้การใช้จ่ายเป็นไปโดยสะดวกมากขึ้น ในขณะเดียวกัน หากตัวเลข CPI ลดลง รัฐบาลอาจลดนโยบายที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุนี้ CPI จึงล้วนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ รวมไปถึงตลาดหุ้นและตลาด Crypto ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯ มาโดยตลอด รายงาน CPI จึงสร้างอิทธิพลต่อราคาหุ้น , Crypto สินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ โดยในทันทีภายหลังการประกาศ CPI โดยเฉพาะตลาด Crypto ที่มีความผันผวนสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
นอกจากนี้การประกาศ CPI เดือนมกราคม ยังส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตของเหล่านักลงทุนคริปโตที่ชอบใช้เลเวอเรจหนัก ๆ ไปเป็นมูลค่าถึง 60 ล้านดอลลาร์ ในช่วงการประกาศตัวเลข CPI ดังที่ได้รายงานที่สยามบล็อกเชนได้รายงานไปก่อนหน้านี้ และส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 22,000 ดอลลาร์อีกครั้งในวันนี้
ช่วงการประกาศ CPI จึงเป็นช่วงที่เหล่านักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นหรือ Crypto ต้องจับตามองอย่าใกล้ชิด เนื่องจากผลลัพธ์ของค่า CPI มักจะตัวกำหนดทิศทางราคาหุ้นและราคาเหรียญคริปโตอยู่เสมอ
คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
อ้างอิง: