แม้คนทั่วไปจะกล่าวว่า ยิ่งฉลาดมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เงินเดือนมากขึ้นเท่านั้น และนักวิชาการต่างออกมาอธิบายว่า ทำไมผู้ที่มีสติปัญญามากกว่าคนอื่น ถึงมักจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากกว่า แต่งานวิจัยใหม่ที่นำเสนอโดย Marc Keuschnigg รองศาสตราจารย์อาวุโสด้านสังคมวิทยาวิเคราะห์ จาก Linkoping University ประเทศสวีเดน ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน European Sociological Review เมื่อเดือนมกราคม กลับกล่าวว่า คำกล่าวนี้ถูกต้องเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการสำรวจชายชาวสวีเดนจำนวน 60,000 คนเป็นเวลา 11 ปี พบว่า ความเชื่อมโยงระหว่างเงินเดือนและความฉลาดเบาบางลงหลังจากเงินเดือนของบุคคลนั้นอยู่ที่ 64,000 ดอลลาร์ต่อปี และแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มีรายได้มากที่สุดจำนวน 1% กลับทำคะแนนในแบบทดสอบวัดสติปัญญาได้น้อยกว่าผู้ที่ได้รับเงินเดือนต่ำกว่า แม้ว่าพวกเขาจะทำรายได้ได้มากกว่าถึงสองเท่าหรือมากกว่านั้นก็ตาม
งานวิจัยนี้ทำการสรุปว่า “เงินเดือนที่มาก ไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถทางสติปัญญา” และ “พวกเราไม่พบหลักฐานสนับสนุนว่า ผู้ที่มีตำแหน่งการงานสูงและได้รับเงินมากเป็นพิเศษ สมควรได้รับเงินเหล่านั้นมากกว่าคนที่ได้รับเงินต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเงินจำนวนนั้นแต่อย่างใด” เสริมว่า “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ดูเหมือนจะเป็นผลมาจากทรัพยากรของครอบครัวหรือโชคมากกว่าความสามารถ” ระบุว่า การมีพื้นฐานครอบครัวเป็นชนชั้นสูง ทำให้สามารถสิทธิพิเศษและงานที่มีเงินเดือนสูงกว่า
งานวิจัยนี้ยังได้เสริมด้วยว่า การที่คนที่มีสติปัญญามากไม่ได้รับเงินเดือนสูง มาจากการที่พวกเขาขาดความฉลาดทางอารมณ์ เนื่องจากความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จำเป็นต้องอาศัยความชื่นชอบจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา พอ ๆ กับความสามารถในงานนั้น
นอกจากการขาดความฉลาดทางอารมณ์แล้ว การที่ผู้ที่มีสติปัญญามากได้รับเงินเดือนน้อย อาจจะมาจากธรรมชาติของตำแหน่งงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถนั้นที่ไม่ได้ให้เงินเดือนก้อนใหญ่ อย่างการทำงานในวงการการศึกษาและวิจัย เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่มีสติปัญญาอาจไม่ได้ต้องการทำงานหนักเพื่อเงินเสมอไป โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาต้องการเวลาให้เพื่อนฝูงและครอบครัวหรืองานอดิเรกมากกว่าทำงาน
นอกจากความฉลาดแล้ว งานวิจัยนี้ ยังระบุถึงความกังวลด้านความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลกอีกด้วย
งานวิจัยชิ้นนี้ ถือว่าเป็นค้านกับงานวิจัยที่ถูกทำขึ้นโดย Jonathan Wai นักวิจัยจาก Duke University เมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่า กลุ่มมหาเศรษฐีของโลกมีการศึกษาและสติปัญญามากกว่าคนทั่วไป และส่วนมากจบจากสถาบันการศึกษาดังระดับโลก
การที่มหาเศรษฐีไม่ได้มีความฉลาดเหนือไปกว่าคนทั่วไป นำมาสู่ความกังวลด้านเศรษฐกิจและการเมือง เนื่องจากอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองมักอยู่ในมือของผู้ที่มีรายได้สูง จากการที่พวกเขาสามารถสนับสนุนทางการเงินหรือ “ล็อบบี้” นักการเมืองที่มีแนวคิดเดียวกันหรือเอื้อผลประโยชน์แก่พวกเขา ให้สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเป็นอย่างมากในภายหลัง
ด้วยเหตุนี้การเชื่อหรือเจริญรอยตามมหาเศรษฐี จึงอาจไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีหรือความร่ำรวยตามแบบพวกเขาแต่อย่างใด
อ้างอิง: