เมื่อเร็ว ๆ นี้ Binance ได้นำเสนอระบบพิสูจน์หลักประกันรูปแบบใหม่ที่เป็น “กึ่งอัตโนมัติ” เพื่อช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทุนสำรองที่สนับสนุนสินทรัพย์ Crypto แต่ละรายการ
Binance ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า B-Token ซึ่งจะใช้แทนเงินมัดจำของ Crypto ที่จะใช้งานได้บนบล็อกเชนที่เป็นกรรมสิทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น Binance จะสร้างหนึ่ง ETH B-Token สำหรับการฝาก ETH ทุกครั้ง โดย B-Token ทุกเหรียญจะต้องอยู่ในกระเป๋าเงินหลักประกันที่สนับสนุนโดย ETH
ระบบกึ่งอัตโนมัติแบบใหม่นี้จะอนุญาตให้สร้าง B-Token เหรียญใหม่ได้ก็ต่อเมื่อกระเป๋าเงินหลักประกันที่เกี่ยวข้องมีการสำรองสินทรัพย์ Crypto ที่จำเป็น สำหรับการที่ B-Token เป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ ก็เพื่อที่ Binance จะสามารถแทรกแซงตัวเหรียญได้ทันเวลา หากเกิดกรณีที่มีการละเมิดความปลอดภัย
“ระบบแบบนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถกดสวิตช์ปิดมันได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และช่วยรักษาหน้าของพวกเขาได้เล็กน้อย” Conor Ryder นักวิเคราะห์การวิจัยกล่าว “แต่มันไม่ใช่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอุดมคติ และเราก็เคยเห็นกันมาก่อนแล้วว่า Binance เคยเกิดความผิดพลาดขึ้นในการจัดการกระบวนการสร้างเหรียญ”
โฆษกของ Binance กล่าวว่า หลักประกันบนเครือข่ายแบบใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มเรื่องความโปร่งใส โดยก่อนหน้านี้ Binance บังเอิญนำสินทรัพย์ค้ำประกันไปปนกับสินทรัพย์ของลูกค้าในกระเป๋าเงิน Binance 8 จนเกิดเป็นข่าวที่น่าอับอาย และส่งผลให้ B-Token บางตัวมีหลักประกันมากเกินไป ทั้งนี้โฆษกได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบกึ่งอัตโนมัติแบบใหม่นี้จะช่วยให้เว็บเทรดสามารถจัดการกับความเสี่ยงที่นักลงทุนกังวลได้
ก่อนหน้านี้ Binance ได้ประกาศว่า จะเปิดตัว zero-knowledge proofs เพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของรายงาน proof-of-reserves ในครั้งต่อไป โดย zero-knowledge proofs นี้จะช่วยยืนยันความจริงของข้อความโดยไม่เปิดเผยว่าความจริงนั้นได้รับการยืนยันอย่างไร
ในกรณีของ Binance นั้น zero-knowledge proofs จะช่วยยืนยันการเปลี่ยนแปลงยอดสินทรัพย์ของลูกค้าผ่านการเปลี่ยนแปลงใน Merkle root hash ใน Merkle tree ของ Binance
ที่มา: beincrypto