สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC) พร้อมทั้งกรมบริการทางการเงินแห่งนิวยอร์ก (NYDFS) และอัยการสูงสุดแห่งรัฐนิวยอร์ก ได้คัดค้านแผนของ Binance.US เพื่อเข้าซื้อกิจการของ Voyager บริษัทสินเชื่อคริปโตชื่อดังที่ล้มละลายในช่วงที่ผ่านมา
การคัดค้านถูกยื่นตามส่วนหนึ่งของกระบวนการล้มละลายของ Voyager ในเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์กเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์
ที่ผ่านมา Binance.US ได้ทำข้อตกลงอย่างตรงไปตรงมากับ Voyager เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัทสินเชื่อคริปโตทั้งหมดในเดือนธันวาคม 2022 โดยคาดว่าจะประมูลด้วยราคา 1 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเอาชนะเหนือผู้เล่นรายอื่น ๆ อย่าง CrossTower และ Wave Financial แต่การซื้อกิจการก็ยังคงอยู่ภายใต้การอนุมัติตามกฎระเบียบในปัจจุบัน
Voyager อาจละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์
ก.ล.ต. คัดค้านแผนการของลูกหนี้ที่จะขายสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับสมดุลใหม่ซึ่งส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์ม Binance.US
“ในที่นี้ การทำธุรกรรมในสินทรัพย์ดิจิทัลที่จำเป็นต่อการปรับสมดุลหรือการกระจายสินทรัพย์ดังกล่าวอีกครั้งให้กับผู้ถือบัญชีอาจละเมิดข้อห้ามในมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ต่อการเสนอขาย การขาย หรือการส่งมอบที่ไม่ได้ลงทะเบียนหลังการขาย หลักทรัพย์”
อย่างไรก็ตามหน่วยงานกำกับดูแลยังแสดงความกังวลว่า Voyager สามารถแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถทำตามกฎหมายของรัฐบาลกลางด้วยแผนนี้หรือไม่ โดยตั้งคำถามว่า “การซื้อขายครั้งนี้อาจเป็นเพียงการขายรายชื่อลูกค้าของ Voyager ด้วยมูลค่าเพียง 20 ล้านดอลลาร์ให้กับ Binance.US เท่านั้น”
“การดำเนินตามกฎระเบียบ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับ Voyager, Binance.US หรือทั้งสองอย่าง อาจทำให้แผนการเข้าซื้อกิจการไม่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด”
การเลือกปฏิบัติต่อชาวนิวยอร์ก
ในขณะเดียวกัน NYDFS กล่าวหาว่าการปฏิบัติของ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เป็น “การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม” ต่อชาวนิวยอร์กเนื่องจากมันจะเป็นการชะลอการเรียกคืนทรัพย์สินเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้รายอื่นในกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อ Voyager ว่าปฏิบัติการอย่างผิดกฎหมายในรัฐนิวยอร์กเช่นเดียวกัน
“แม้ว่าจะพักเรื่องการละเมิดกฎหมายในอดีตของลูกหนี้ไว้ชั่วคราว แต่แผนการของลูกหนี้ตามที่เสนอนั้นเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อชาวนิวยอร์กเหล่านี้ เนื่องจากมีการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ในกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งพวกเขายังไม่อนุญาตให้มีตัวเลือกในการกู้คืนสกุลเงินดิจิทัลอีกด้วย”
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หน่วยงานกำกับดูแลคัดค้านข้อตกลงดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานรัฐบาลกลางและรัฐก็ได้คัดค้านการขาย โดยอ้างถึงความเป็นไปได้ที่ทรัพย์สินอาจถูกเคลื่อนย้ายไปนอกประเทศและสร้างความท้าทายมากขึ้นในการกู้คืนในนามของผู้บริโภค