Joe Biden และคณะผู้บริหารของประธานาธิบดีสหรัฐได้เสนอภาษีสรรพสามิตสำหรับการทำเหมืองขุด Crypto ซึ่งคิดเป็น 30% ของต้นทุนพลังงานที่พวกเขาใช้ รวมถึงการขุดเหมือง Crypto สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามรายงานของกระทรวงสหรัฐฯ ในเอกสารกระทรวงการคลังที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม
จากข้อมูลของกรมธนารักษ์ บริษัทใดก็ตามที่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือยืมมาเพื่อขุดสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องเสียภาษี 30% ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการในระยะเวลา 3 ปีในขั้นละ 10% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมปีนี้
การเพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานที่เกิดจากการเติบโตของการขุดสินทรัพย์ดิจิทัลมีผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ราคาพลังงานสำหรับผู้ที่ใช้โครงข่ายไฟฟ้าร่วมกันแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากข้อมูลของทำเนียบขาวการใช้พลังงานทั่วโลกโดยประมาณสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล คือ 1.20-2.40 แสนล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มากกว่าการใช้ไฟฟ้าต่อปีของออสเตรเลีย
แก้ปัญหาช่องโหว่ภาษี
การเทรดแบบล้างหมายถึงการขายตราสารทางการเงินในรูปแบบขาดทุนเพื่อเรียกร้องค่าลดหย่อนและซื้อคืนในทันทีเพื่อทำกำไร
เนื่องจาก Crypto ในสหรัฐฯ ไม่จัดอยู่ในประเภทหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่สามารถเรียกร้องการหักลดหย่อนภาษีจากการสูญเสียและซื้อโทเคนคืนได้ทันที ในทางกลับกันสิ่งนี้จะทำให้นักลงทุนถูกห้ามซื้อคืนหลักทรัพย์เดิมเป็นเวลา 30 วัน
กระทรวงการคลังอ้างว่าการใช้พลังงานของการทำเหมือง crypto ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มราคาสำหรับผู้ใช้งานอื่น ๆ ร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2023 โดยประเทศอาจมีรายได้ประมาณ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากการอุดช่องว่างภาษีตามรายงานของทำเนียบขาว