<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ Ripple ยอมรับ บริษัทมีเงินบางส่วนอยู่ใน SVB แต่ “สถานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม สองวันหลังจาก Silicon Valley Bank (SVB) ถูกหน่วยงานทางกฎหมายของแคลิฟอร์เนียสั่งปิดและอยู่ภายใต้การควบคุมโดย Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) และนาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า การล่มสลายของ SVB ส่งผลกระทบต่อบริษัทของเขา

Silicon Valley Bank เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ โดยทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากเงินจากบริษัทด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ใน Silicon Valley รวมไปถึง Ripple โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม  SVB ได้โพสต์ Twitter ระบุว่า SVB ได้ถูกจัดเป็นหนึ่งในธนาคารที่ดีที่สุดของสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นโดยนิตยสาร Forbes เป็นปีที่  5 ติดต่อกัน แม้ว่าโพสต์นี้จะถูกลบออกไปแล้วก็ตาม

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม David Schwartz CTO ของ Ripple ได้แสดงความคิดเห็นบน Twitter ว่า “ผมยังคงไม่เข้าใจว่าการแห่ถอนเงินจะทำให้ SVB ล้มละลายได้อย่างไร หากธนาคารเคยมีความสามารถในการชำระหนี้มาก่อน นั่นหมายความว่าสินทรัพย์ของธนาคารมีมากกว่าภาระผูกพันธ์ การแห่ถอนเงินไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์หรือหนี้สินของธนาคารได้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินได้?” และเมื่อถูกถามว่า Ripple ได้รับผลกระทบหรือไม่ เขาตอบว่า “พวกเราจะออกแถลงการณ์ในเร็ว ๆ นี้ ผมไม่สามารถพูดอะไรได้จนกว่าแถลงการณ์จะออกมา”

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา Brad Garlinghouse ได้ออกมาโพสต์บน Twitter เพื่อแถลงว่า การล่มสลายของ SVB นั้นส่งผลกระทบต่อ Ripple อย่างไร

“Ripple มีความร่วมมือกับ SVB และได้ถือเงินทุนของบริษัทบางส่วนเอาไว้ พวกเราคาดว่าการทำธุรกิจของพวกเราในปัจจุบันจะไม่ได้รับผลกระทบ และเงินทุนของบริษัทมีการถือเอาไว้ในเครือข่ายธนาคารขนาดใหญ่”

“ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่เป็นที่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ SVB และพวกเราคาดหวังว่าจะได้รับข้อมูลมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แต่ขอให้วางใจ Ripple ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง”

“น่าขันที่ว่า เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นนี้ ตอกย้ำว่า ระบบการเงินของพวกเราพังทลายไปมากเพียงใด”

ที่มา: CryptoGlobe