<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

พร้อมหรือยัง ? สรรพากรจ่อนำระบบ AI มาช่วยตรวจสอบภาษีเชิงลึก เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่ากรมสรรพากรเตรียมนำระบบ AI มาร่วมใช้ในการตรวจสอบภาษีเชิงลึก โดยในขณะนี้ระบบดังกล่าวอยู่ระหว่างการทดลองใช้ใน Sandbox พร้อมระบุว่า โซเซียลมีเดียเป็นช่องทางที่ระบบ AI จะเข้าไปตรวจจับและประเมินรายได้จากการค้าขายผ่านระบบดังกล่าว ซึ่งจะทำให้กรมฯ ได้ข้อมูลของผู้เสียภาษีที่ลึกขึ้น และช่วยป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีได้

“ในหลายประเทศได้นำระบบ AI มาใช้ในการตรวจสอบการเสียภาษี ในส่วนของไทยนั้น อยู่ในระหว่างการทดลองใช้ใน Sandbox ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำให้กรมฯ ได้ข้อมูลของผู้เสียภาษีที่ลึกขึ้นและช่วยป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี”

นายลวรณกล่าวว่า ในปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีบทบาทในการสื่อสารระหว่างบุคคล รวมถึง การค้าขาย ซึ่งระบบ AI สามารถเข้าไปตรวจสอบว่าผู้เสียภาษีรายนั้น ๆ มีการโพสต์เพื่อค้าขายอะไรบ้าง และสามารถเชื่อมโยงไปถึงรายรับของผู้ค้าได้

ทั้งนี้ ในช่วง 4 -5 ปีที่ผ่านมา กรมสรรพากร ได้นำระบบ e-tax มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษี ไม่ว่าจะเป็นการยื่นแบบเสียภาษีทุกประเภท ผ่าน e-filing การตรวจสอบข้อมูลภาษีของตนเองผ่าน My Tax Account การหักภาษี ณ ที่จ่ายผ่าน e-withholding tax และระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะอัปเกรดระบบเพื่อดึงคนเข้าระบบให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางที่มีจำนวนมาก ซึ่งต้องเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง แต่มีปัญหาความยุ่งยากในการทำระบบบัญชีและภาษี ซึ่งกรมฯ ก็จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางให้สามารถยื่นภาษีได้ถูกต้อง ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความผิดพลาดและถูกเก็บภาษีย้อนหลัง โดยผู้ประกอบการสามารถใช้บริการ Service Provider ที่มี software ด้านภาษีที่ได้รับอนุญาตจากกรมให้เป็นผู้นำส่งภาษีให้กับกรมฯ ได้

“การนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการยื่นเสียภาษี จะทำให้ระบบการคืนภาษีสามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น เช่น จากเดิมที่เป็นระบบที่ใช้คนเป็นผู้ตรวจสอบ อาจใช้เวลาพิจารณาเพื่อคืนภาษีเป็นเดือน แต่เมื่อตรวจสอบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจใช้เวลาเหลือเพียง 7 วันเท่านั้น เป็นต้น”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในปัจจุบันกรมสรรพากรทำการสุ่มตรวจตามหน้าเว็ปไซต์ต่าง ๆ อยู่แล้ว เช่น Facebook ที่มีการโพสต์โชว์เงินโอนเข้าหรือการไลฟ์สดขายของ เป็นต้น เพื่อตรวจสอบว่ารายได้ของบุคคลเหล่านั้นเสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ ขณะเดียวกัน กรมฯยังใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Web Scraping คือ เทคนิคดึงข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ตามรูปแบบที่กำหนด เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ตามจุดประสงค์ต่าง ๆ เช่น ดึงข้อมูลราคาและประเภทสินค้าที่ค้าขายผ่านเว็บไซต์ e-commerce

นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังสามารถรู้รายได้ของผู้เสียภาษีจากข้อมูลที่สถาบันการเงิน ต้องนำส่งให้กรมสรรพากรตามกฎหมาย ซึ่งกำหนดว่าให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ 3 พันครั้งต่อปีให้กับกรมฯ และกรณีที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป/ปี แต่มีเงินที่โอนเข้ารวมกันเกินกว่า 2 ล้านบาท ก็จะต้องนำส่งข้อมูลให้กับกรมฯด้วยโดยข้อมูลที่ส่งให้กับกรมฯ จะทำให้กรมฯ รู้ข้อมูลรายได้ของผู้มีรายได้แต่ยังไม่สามารถนำมาเก็บภาษีได้ ต้องนำไปประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ ด้วยว่าถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นภาษีและเสียภาษีแล้วหรือไม่

ที่มา: bangkokbiznews