<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เว็บเทรดแบบ Decentralize มีวอลุ่มเทรดพุ่งขึ้นเกือบ 250% ท่ามกลางช่วงวิกฤตเหรียญ Stablecoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เว็บเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEXs) ได้เห็นวอลุ่มการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤต Stablecoin เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมูลค่าของ Stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาด USDC ร่วงลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 0.87 ดอลลาร์ก่อนที่จะฟื้นตัว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้สั่งปิดธนาคารแห่งซิลิคอนวัลเลย์ (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ ที่ล่มสลายในประวัติศาสตร์ เนื่องจากการดำเนินการของธนาคารที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในเหรียญ USDC จากการเทขายเหรียญของนักลงทุนคริปโต และต่อมา DAI เหรียญ Stablecoin อีกตัวหลุด peg เช่นกัน เพราะว่า DAI เป็น Stablecoin ที่ได้รับการค้ำประกันจาก USDC

ธนาคาร SVB มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเป็นสถานบันธนาคารเป็นขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างมาก  ดังนั้นการล่มสลายอย่างกะทันหันของ SVB จึงทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อ Circle และ USDC ที่เป็น Stablecoin 

อย่างไรก็ดีสถานการณ์ก็ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลก้าวเข้ามา โดย Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) รับรองว่าผู้ฝากเงินจะได้รับเงินคืน อย่างไรก็ตาม ก่อนการมาของ FDIC นักเทรดได้เคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้สถานการณ์ยังคงแย่ลงเมื่อ Coinbase ซึ่งเป็นสมาชิกของ ENTRE Consortium ที่เป็นผู้สนับสนุน USDC ได้ให้ตัวเลือกในการชดเชย USD ที่ถูกระงับในช่วงสุดสัปดาห์ การประกาศทำให้นักเทรดเริ่มย้ายไปใช้เว็บเทรดแบบกระจายอำนาจเพื่อค้นหาทางเลือกอื่น ๆ

ตามข้อมูลจาก CryptoCompare เมื่อวันที่ 11 มีนาคมพบว่า วอลุ่มการใช้งานบน DEX เพิ่มขึ้นเกือบ 249% โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.14 พันล้านดอลลาร์เป็น 2.50 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมของ Ethereum ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมเครือข่าย ก็ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 101 Gwei คิดป็นระดับสูงสุดในปี 2023 จนถึงตอนนี้

รายงานของ CryptoCompare ยังเผยอีกว่า เหตุการณ์ล่าสุดได้เน้นย้ำถึงการพึ่งพาระหว่างคริปโตในระบบการเงินแบบดั้งเดิม และปัญหาที่เกี่ยวกับ Stablecoin แบบรวมศูนย์ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเปราะบางของตลาดคริปโต เนื่องจาก Stablecoins ที่ใหญ่ที่สุดมีความเสี่ยงต่อปัญหาทางการเงินแบบดั้งเดิม

นอกจากนั้น Circle ได้แสดงให้เห็นการจัดการสำรองหลักประกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดย 77% ถือครองอยู่ในตั๋วเงินคลังระยะสั้นที่ BNY Mellon และเงินสดที่เหลือค้ำประกันอยู่ในขณะนี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงระบบการสำรองที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความมั่นใจในความสามารถของ Circle ในการนำทางปัญหาในอนาคตด้วยการธนาคารแบบดั้งเดิม

ที่มา : cryptoglobe