ดัชนีหุ้นธนาคารยุโรป ร่วงลงอีกครั้งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เมื่อ Credit Suisse ร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังผู้ถือหุ้นรายใหญ่กล่าวว่าไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นเป็น 10% ได้ เนื่องจากปัญหาด้านกฎระเบียบ
ราคาหุ้น Credit Suisse ร่วงลงไปอยู่ที่ 2.18 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจาก Saudi National Bank กล่าวว่า ทางธนาคารไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นมากกว่า 10% ได้จากปัญหาด้านกฎหมาย
ราคาหุ้น Credit Suisse ร่วงกว่า 23.8% ขณะที่กระดานเทรดหุ้น ได้ระงับการเทรดหุ้นนี้หลายครั้ง จากการที่วอลลุ่มเทรดพุ่งขึ้นและราคาหุ้นร่วงลง
ในขณะที่ดัชนีหุ้นธนาคารยุโรป ร่วงลงช่วงเช้าวันนี้โดยร่วงลงถึง 6.1% แตะจุดต่ำสุดนับจากเมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยร่วงลงถึง 14% ในช่วงปิดตลาดเมื่อวันพุธ ทำมูลค่าตลาดสูญหายไปกว่า 127.25 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นการสูญเสียมูลค่าตลาดแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ที่มากที่าสุดนับจากเหตุการณ์รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ความหวาดกลัวนี้เริ่มแพร่กระจาย หลังจาก Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ล่มสลายลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น European bank ในขณะนี้
“ตลาดมันบ้าคลั่ง พวกเราย้ายจากปัญหาของธนาคารในสหรัฐฯ มาเป็นธนาคารในยุโรป เริ่มจาก Credit Suisse” Carlo Franchini หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสถาบันจาก Banca Ifigest ในเมืองมิลานกล่าว
“เหตุการณ์นี้ฉุดภาคการธนาคารของยุโรปให้ตกต่ำลง หุ้นต่าง ๆ ต่างสูญเสียมูลค่าหลังการประกาศของ Saudi National Bank…ผมเชื่อว่าวิกฤต Credit Suisse สามารถแก้ไขได้และธนาคารจะไม่ถูกปล่อยให้ล้มละลาย” เขาเสริม
หุ้น UBS ธนาคารสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงลง 6.8% ขณะที่หุ้น BNP Paribas และ Societe Generale ธนาคารสัญชาติฝรั่งเศส ได้ร่วงลงกว่า 11%
หุ้น Banco de Sabadell ธนาคารสัญชาติสเปน ร่วงลง 9% และหุ้น Commerzbank ของเยอรมนี ร่วงลงกว่า 10% ในขณะที่ Deutsche Bank ร่วงลง 8.4%
“สิ่งที่ยังคงเป็นจริงคือ ธนาคารยุโรป โดยเฉพาะธนาคารที่ใหญ่ที่สุด มีการจัดการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า ซึ่งการจัดการความเสี่ยงนี้ ทำให้ธนาคารทั้งสามแห่งในสหรัฐฯ ล่มสลาย และธนาคารเหล่านี้มีสภาพคล่อง” Jerome Legras หัวหน้าแผนกวิจัยจาก Axiom Alternative Investments กล่าว
ที่มา: Reuters