<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มหาเศรษฐีชาวจีนถูก กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จับกุมในข้อหาฉ้อโกง Crypto รวม 3.4 หมื่นล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Guo Wengui มหาเศรษฐีชาวจีน ถูกจับในเมืองนิวยอร์คเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ รวมไปถึงการฉ้อโกงด้วย Crypto ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) และ SEC

Guo Wengui หรือที่รู้จักกันในชื่อ Miles Guo, Ho Wan Kwok และ Brother Seven  ถูกจับกุมโดย DOJ ในข้อหาฉ้อโกงผ่านเทคโนโลยี, ฉ้อโกงด้วยหลักทรัพย์, ฉ้อโกงด้วยธนาคารและฟอกเงิน และชักชวนให้ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ผ่านการให้ความเท็จ รวมทั้งหมด 12 ข้อหา DOJ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ

เขาและผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น ๆ ได้รับเงินมากกว่า 262 ล้านดอลลาร์จากการฉ้อโกงเหยื่อผ่าน Himalaya Exchange โดย DOJ ได้ทำการยึดเงินจากบัญชีธนาคาร 21 บัญชีที่เชื่อมโยงกับการฉ้อโกงนี้ได้ถึง 634 ล้านดอลลาร์

DOJ ยังกล่าวหาด้วยว่า เขาทำการโกหกและให้สัญญากับเหยื่อว่า พวกเขาจะได้รับผลตอบแทนก้อนโต หากให้การสนับสนุนกิจการของเขา รวมไปถึง GTV Media Group Inc. บริษัทสื่อที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2020 ร่วมกับ Steve Bannon อดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดี Donald Trump

Guo Wengui ยังถูกโดย SEC กล่าวหาในข้อหา มีส่วนร่วมกับข้อเสนอที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนและการฉ้อโกงสินทรัพย์มูลค่ากว่า 850 ล้านดอลลาร์  โดย SEC กล่าวว่า ข้อเสนอนี้ เป็นการขอระดมทุนจากนักลงทุนผ่านโปรเจกต์ “H-Coin” หรือ “Himalaya Coin”โดยการกล่าวว่า มูลค่าของ H-Coin จะได้รับการหนุนด้วยทองคำถึง 20% และ “เขาจะทำการชดเชยนักลงทุนเป็นการส่วนตัว หากมีการสูญเสียเกิดขึ้น”

“ในความเป็นจริง Guo Wengui ได้ใช้ประโยชน์จากความนิยมและความน่าดึงดูดของ Crypto รวมไปถึงการลงทุนอื่น ๆ ในการเอาเงินจากเหยื่อกว่าพันคนมาใช้ในการดำรงชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในครอบครัวของเขา” Gurbir S. Grewal ผู้อำนวยการกองบังคับการ SEC กล่าว โดยสำนักข่าว CNN รายงานว่า Guo Wengui ถูกปฏิเสธไม่ให้มีการประกันตัวในวันเดียวกับวันที่ถูกจับกุม

“Kwok ถูกตั้งข้อหาพร้อมกับเงินที่เขาขโมยมา รวมไปถึงการซื้อคฤหาสต์ขนาด 50,000 สแควร์ฟุตในเมืองนิวเจอร์ซี, รถเฟอร์รารีมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์, ที่นอน 2 ชุดมูลค่า 36,000 ดอลลาร์ และเรือยอร์ชหรูมูลค่า 37 ล้านดอลลาร์” Damian Williams ทนายความสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ของ DOJ

ที่มา: Forkast