<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ธนาคารในสหรัฐอีก 186 แห่ง กำลังเสี่ยงที่จะล้มละลายเหมือน Silicon Valley Bank

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ในระบบธนาคารของสหรัฐฯ ลดลง 2 ล้านล้านดอลลาร์ รวมกับเงินฝากที่ไม่มีหลักประกันจำนวนมากของธนาคารบางแห่งของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารเริ่มเกิดปัญหา

ผลกระทบที่รวมกันของการขาดทุนเลเวอเรจที่ไม่มีหลักประกัน และพอร์ตสินเชื่อที่มากขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ส่งผลให้ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) เกิดวิกฤต และจากการเปรียบเทียบสถานการณ์ของธนาคาร Silicon Valley Bank ทำให้พบว่ายังมีธนาคารอีกเกือบ 190 กำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกปิดกิจการ

ในขณะที่การล้มละลายของธนาคาร Silicon Valley Bank เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเปราะบางของระบบการเงินแบบดั้งเดิม การวิเคราะห์ล่าสุดจากนักเศรษฐศา่สตร์ยังแสดงให้เห็นว่ามีธนาคารจำนวนมากที่มีการถอนเงินฝากที่ไม่มีหลักประกัน

“แค่มีผู้ฝากเงินไม่มีหลักประกันเพียงครึ่งหนึ่งที่ต้องการถอนเงิน ธนาคารเกือบ 190 แห่งมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถอนุมัติการถอนได้ และเงินฝากประกันถึง 3 แสนล้านดอลลาร์จะตกอยู่ในความเสี่ยง”

นโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางออกมาอาจจะส่งผลเสียต่อสินทรัพย์ระยะยาวเช่น พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารขาดทุนได้ โดยรายงานอธิบายว่าธนาคารจะถือว่าล้มละลายหากมูลค่าสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Mark-to-Market Value) หลังจากจ่ายเงินให้กับผู้ฝากเงินที่ไม่มีประกันทั้งหมดแล้ว ไม่เพียงพอที่จะชำระคืนเงินฝากที่มีประกันทั้งหมด

ข้อมูลในกราฟด้านบนได้แสดงสินทรัพย์ของธนาคาร ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ธนาคารที่อยู่มุมขวาบน ข้างๆ SVB (มีสินทรัพย์ 218 พันล้านดอลลาร์) มีการขาดทุนของสินทรัพย์ที่รุนแรงที่สุดและมีเงินฝากที่ไม่มีประกันที่ดำเนินการได้มากที่สุด

อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ในระบบธนาคารของสหรัฐฯ ลดลง 2 ล้านล้านดอลลาร์ รวมกับเงินฝากที่ไม่มีหลักประกันจำนวนมากของธนาคารบางแห่งของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารเริ่มเกิดปัญหา โดยจากการศึกษาได้สรุปว่า

“การลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ธนาคารเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่มความเปราะบางของระบบธนาคารสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ฝากเงินที่ไม่มีประกัน”

ในขณะที่รัฐบาลกลางเข้ามาปกป้องผู้ที่มาฝากเงินกับธนาคาร Silicon Valley Bank และ Signature Bank ประธานาธิบดี Joe Biden ก็ได้ออกมารับรองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้เสียภาษี

อย่างไรก็บนทวีตเตอร์ก็ได้มีการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทุกอย่างที่คุณทำหรือคนไปยุ่งกับมันมันต้องใช้เงินภาษี!”

Source: Cointelegraph