<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

FTX จะถอนเงิน 460 ล้านดอลลาร์จากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก SBF เพื่อคืนเจ้าหนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Alameda Research ได้ลงทุนประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ใน Modulo Capital ในปี 2565 ทำให้เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของ FTX ภายใต้การนำของ SBF

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2023 FTX ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเข้าสู่ข้อตกลงเพื่อกู้คืนทรัพย์สินมูลค่า 460 ล้านดอลลาร์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่าง Modulo Capital กองทุนป้องกันความเสี่ยงในบาฮามาส

ทั้งนี้การเรียกคืนสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวของ FTX เป็นการเรียกคืนเงินจากกองทุนป้องกันความเสี่ยงในบาฮามาสอย่าง Modulo Capital ซึ่งได้รับทุนเริ่มต้นราว 475 ล้านดอลลาร์จาก Alameda Research บริษัทลูกของ FTX ที่เกี่ยวข้องกับ Sam Bankman-Fried 

หากใครยังไม่ทราบ Modulo Capital และ Alameda Research ถูกก่อตั้งโดยอดีต CEO ของ FTX อย่าง Sam Bankman-Fried ซึ่งได้มีข้อพิพาทในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึงผู้บริหารคนอื่น ๆ อย่าง Ducan Rhenigans-Yoo อีกด้วย

จากการยื่นฟ้องสินทรัพย์ที่กู้คืนมาได้ราว 460 ล้านดอลลาร์นั้นคิดเป็นกว่า 99% ของสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ของ Modulo Capital รวมถึงเงินสดจำนวน 404 ล้านดอลลาร์และสินทรัพย์ใน FTX.com และ FTX.US อีกกว่า 56 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีการพูดคุยไต่สวนคำร้องในวันที่ 12 เมษายน 2023

การลงทุนภายใต้การดูแลของ SBF

FTX อ้างเพิ่มเติมว่าการลงทุนของ Alameda Research ดำเนินการภายใต้การดูแลของ SBF อีกทั้ง Alameda Research และ Modulo Capital ลงนามในข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนจำกัดในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งอดีตได้โอนเงินให้กับฝ่ายหลังเพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของ 20% ในหุ้น Class A ของ Modulo Capital

“เงื่อนไขของข้อตกลงกำหนดให้มีการคืนมูลค่าเกือบทั้งหมดที่ลูกหนี้ Alameda โดนไปยังหน่วยงานของ Modulo Capital ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรียกร้องผ่านการฟ้องร้องได้”

การชำระเงินให้กับนิติบุคคลก่อนยื่นฟ้องล้มละลายอาจมีสิทธิ์ได้รับคืนและแจกจ่ายให้กับเจ้าหนี้ในกระบวนการล้มละลาย โดยส่วนใหญ่เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันส่วนใหญ่มีระยะเวลาเรียกคืน 90 วัน แต่คนวงในอาจใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปีแทน

อย่างไรก็ตาม FTX กล่าวถึงการนำเสนอต่อลูกหนี้ครั้งสุดท้ายซึ่งมีข้อเรียกร้องมูลค่าเกิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์แต่กลับมียอดสินทรัพย์เพียง 4.7 พันล้านดอลลาร์ซึ่งยอดเงินหายไปเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งแม้ว่าจะมีการชำระหนี้จำนวน 460 ล้านดอลลาร์ไปแล้วแต่เจ้าหนี้ยังได้รับเงินคืนน้อยกว่า 7% เท่านั้น