<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำเนียบขาวกล่าวว่า ‘Bitcoin นั้นต่างจาก Ethereum’ เพราะไม่มีแผนเปลี่ยนระบบไปเป็น PoS

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คณะบริหารของ Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน เพิ่งเผยแพร่รายงานเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่มีการกล่าวถึง Bitcoin และเหรียญ Crypto ตัวอื่น ๆ 

รายงานนี้มีประเด็นน่าสนใจ จากการที่ระบุว่า “สินทรัพย์ Crypto ในปัจจุบัน ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าพื้นฐานแต่อย่างใด” และยังได้กล่าวถึงประเด็นต่าง ๆ  เช่น

การเปลี่ยนแปลงเครือข่ายของ Ethereum ที่เปลี่ยนมาใช้กลไก Proof-of-Stake โดยรายงานได้กล่าวเปรียบเทียบ Ethereum กับ Bitcoin โดยกล่าวว่า “แม้ว่า Ethereum จะเปลี่ยนไปเป็น Proof-of-Stake แต่ Bitcoin ไม่ได้ประกาศแผนว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกันแต่อย่างใด” แสดงให้เห็นถึงความขาดความรู้ความเข้าใจของภาครัฐที่มีต่อ Crypto

รายงานฉบับนี้ ยังได้กล่าวโจมตีการใช้พลังงานจากการขุด Bitcoin แต่ไม่ได้เปรียบเทียบพลังงานที่ใช้ในการขุด Bitcoin กับพลังงานที่ใช้ในภาคการธนาคาร และไม่ได้กล่าวถึงการที่นักขุด Bitcoin ใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของพวกเขา ซึ่งมีจำนวนมากถึง 59.5% ของการขุด Bitcoin ทั้งหมดในปัจจุบัน

“เมื่อดูจากสถิติทั่วโลก Bitcoin ใช้พลังงานเพียง 0.42% เมื่อเทียบกับจำนวนพลังงานที่ใช้ในระบบเศรษฐกิจระดับสูงขนาดกลาง”

ความผันผวนของราคา Bitcoin ยังถูกกล่าวถึงเช่นกัน แม้ว่าขณะนี้ จะเกิดวิกฤตของธนาคาร ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันหลายคนเริ่มตระหนักว่า ธนาคารอาจไม่สามารถดูแลเงินของพวกเขาได้ และเงินฝากที่มีมูลค่า 250,000 ดอลลาร์ ขึ้นไปก็ไม่ได้รับคุ้มครองโดย FDIC

นอกจากนี้ ยังได้มีการระบุว่า Bitcoin มีความเสี่ยง พร้อมเตือนว่า สินทรัพย์ Crypto อาจเกิดเหตุการณ์ “Minsky moment” ขึ้นได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มูลค่าของสินทรัพย์ล่มสลายลง อย่างไรก็ตาม รายงานนี้กล่าวว่า อุตสาหกรรม Crypto จะยังคงมีอยู่ต่อไป

และอีกประเด็นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การที่รายงานนี้ ได้กล่าวว่า เงินเฟียตมีความสำคัญมากกว่า Bitcoin ที่มีจำนวนโทเค็นทั้งหมดอยู่ที่ 21 เหรียญ จากการที่เงินเฟียตได้รับการสนับสนุนจากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ

รายงานนี้ จึงอาจเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงขาดความเข้าใจใน Crypto และยังคงไว้วางในเงินเฟียตที่มีธนาคารกลางเป็นผู้ดูแล แม้ว่าขณะนี้ การธนาคารของสหรัฐฯ จะกำลังประสบกับวิกฤตจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปัญหาด้านเงินเฟ้อก็ตาม

ผู้ที่สนใจ สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่


ที่มา: The Daily Hodl