<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เปิดรายละเอียด 7 ข้อร้องเรียนต่อเว็บเทรด Binance ของ CFTC ที่คุณควรรู้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปฏิเสธเลยไม่ได้ว่า การประกาศดำเนินการฟ้องคดีต่อ Binance ของ Commodity Futures Trading Commission (CFTC)  ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งอุตสาหกรรม Crypto ในวันนี้

นอกจากคำกล่าวหาว่า Binance ทำการปั่นราคาตลาดและไม่ปฏิบัติตามกฎแล้ว CFTC ยังกล่าวหา Binance ด้วยว่า ไม่ได้ให้การร่วมมือในการสอบสวนและเจตนาปกปิดสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท ซึ่ง Binance ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม ในเอกสารที่มีความยาว 74 หน้า มีอีกรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจและคุณไม่ควรพลาด ดังต่อไปนี้

เหรียญคริปโตที่ถูกตีตราว่าเป็น “สินค้าโภคภัณฑ์”

แม้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา  Gary Gensler ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ จะเคยกล่าวไว้ว่า Bitcoin นั้นไม่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ แต่ทว่าล่าสุดทางด้าน CFTC กลับระบุว่า Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Tether รวมไปถึง เหรียญ Binance USD ว่าเป็น สินค้าโภคภัณฑ์ ในการยื่นข้อกล่าวหาต่อ Binance

ในขณะที่ Paul Grewal หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Coinbase วิพากษ์วิจารณ์การขาดความชัดเจนระหว่างทั้งสองหน่วยงานว่า

“หลักทรัพย์สามารถเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ได้ ยกเว้นตอนที่มันไม่ใช่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามหน่วยงานไหนและเมื่อไหร่ หากคุณสับสน คุณไม่ได้รู้สึกแบบนั้นคนเดียว นี่เป็นกฎหมายที่ดีที่สุดที่สหรัฐฯ มอบให้เราจริงหรือ ?”

โทรศัพท์ของ CZ สามารถเข้าถึงได้โดย CFTC

Changpeng Zhao CEO ของ Binance ถูกระบุว่าตกเป็นจำเลยและถูกกล่าวหาซ้ำ ๆ ตลอดการร้องเรียน

CFTC ยังระบุด้วยว่า หน่วยงานทำการรวบรวมหลักฐานด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเครือข่าย Signal และแชทกลุ่มบน “โทรศัพท์ของ CZ” ทำให้หลายคนสงสัยว่า การรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีนี้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ ?

“Changpeng Zhao ได้ทำการติดต่อสื่อสารผ่านแอป Signal ด้วยฟังชันลบข้อความแบบอัตโนมัติระหว่างสนทนากับเจ้าหน้าที่, พนักงาน และตัวแทนของ Binance ด้วยวัตถุประสงค์ส่วนตัว” CFTC กล่าว

การกระทำที่เข้าข่ายเป็นการก่อการร้าย

CFTC ยังได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ Binance ในการรับรู้ว่า แพลตฟอร์มของ Binance ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ “กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย”

“เจ้าหน้าที่, พนักงาน และตัวแทนของ Binance ต่างรับรู้ว่าแพลตฟอร์ม Binance ได้อำนวยความสะดวกให้แก่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย”

บุคคลผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง

CFTC ได้กล่าวหา Changpeng Zhao ว่าเป็นเจ้าของและควบคุมบริษัทหลายบริษัทที่ดำเนินการบนแพลตฟอร์ม Binance ในฐานะ “ผู้ประกอบการทั่วไป”

โดย CFTC ได้อ้างอิงจากการที่ CZ อนุมัติค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสำนักงานเป็นการส่วนตัว และจ่ายเงินให้กับบริการต่าง ๆ ของบริษัท อย่าง Amazon Web Service ด้วยบัตรเครดิตของเขาเอง

สิทธิพิเศษจาก VIP program

ในขณะที่ “VIP” program ของ Binance ที่มอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ แก่ผู้ใช้บริการ ก็ได้ถูกตรวจสอบโดย CFTC เช่นกัน

โดย CFTC กล่าวหาว่า Binance ได้ช่วยสนับสนุนให้ผู้ใช้งาน VIP ใช้ VPN ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ซึ่งสิทธิพิเศษจากโปรแกรมนี้ส่งที่ต้องมีการสอบสวนทางกฎหมายเพิ่มเติม

“Changpeng Zhao ต้องการให้ผู้ใช้บริการในสหรัฐฯ รวมไปถึงลูกค้า VIP ทำธุรกรรมผ่าน Binance เนื่องจาก Binance สามารถรักษากำไรจากผู้ใช้บริการเหล่านั้นไว้” CFTC กล่าว

การเพิกเฉยต่อข้อกำหนดของหน่วยงานทางกฎหมายสหรัฐฯ

CFTC ยังได้กล่าวหา Binance ว่า ทางบริษัทตระหนักถึงข้อตกลงทางกฎหมาย แต่กลับเพิกเฉยต่อกฎระเบียบเหล่านั้น และสร้าง “การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายโดยเจตนา”

เอกสารนี้ ได้กล่าวย้อนไปถึงข้อความภายในระหว่างผู้บริหารของ Binance เมื่อปี 2018 ที่พูดถึงกลยุทธ์ของบริษัทและการปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรที่ถูกกำหนดโดยหน่วยงานทางกฎหมายสำหรับกระดานเทรดทั่วโลก

การปรับและคำสั่งห้าม

ในช่วงท้ายของเอกสาร CFTC กล่าวว่า ทางหน่วยงานกำลังมองบทลงโทษทางการเงินจากรายได้จากการเทรด, ค่าคอมมิชชัน, เงินกู้ หรือค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากกิจกรรมที่น่าสงสัย ควบคู่ไปกับการจ่ายค่าปรับเพื่อทำการสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติม

CFTC ยังได้ออกคำสั่งห้ามอย่างถาวรต่อการละเมิดเพิ่มเติมอีกด้วย

Binance ได้ทำการปฏิเสธข้อกล่าวหาหลายข้อหา และทำการเรียกร้องต่อ CFTC แสดงให้เห็นเป็นนัยว่า อาจมีการตอบโต้ที่มีรายละเอียดมากขึ้นตามมาในภายหลัง

ในวันที่ 28 มีนาคม CZ ได้ตอบโต้สิ่งที่เขาเรียกว่า “การร้องเรียนทางแพ่งที่คาดไม่ถึงและน่าผิดหวัง” โดยระบุว่า ทางบริษัทได้มีความร่วมมือกับ CFTC มาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph โฆษกจาก Binance ยืนยันว่า Binance ยังคงปิดกั้นให้บริการกับผู้ใช้พลเมืองสหรัฐฯ อยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ตาม ไม่ใช่จำกัดแค่เพียงนโยบาย KYC เท่านั้น


ที่มา: Cointelegraph