<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การแบน TikTok จะส่งผลกระทบต่อวงการ Crypto อย่างไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ทั้งโลกต่างจับจ้องไปที่คำถามของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ที่กำลังเกิดขึ้นกับนาย Shou Chew CEO ของ TikTok ด้วยข้อสงสัยที่ว่า รัฐบาลจีนได้ทำการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันนี้หรือไม่ ? 

สิ่งนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่า การแบน Tiktok ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมาย Restricting the Emergence of Security Threats that Risk Information and Communications Technology (RESTRICT) ที่ได้รับการเสนอร่างในวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้

แม้ว่า TikTok จะไม่มีแอปพลิเคชันใด ๆ ที่มีความข้องเกี่ยวกับ Crypto แต่แพลตฟอร์มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชุมชน Crypto ใช้เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Crypto ทำให้การแบน TikTok อาจส่งผลกระทบต่อวงการ Crypto ไปด้วย

Coin Center กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้าน Crypto เชื่อว่า พ.ร.บ. RESTRICT มีหลักการคล้ายคลึงกับรัฐบัญญัติว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ ซึ่งอนุญาตให้สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สามารถทำการยับยั้งชาวอเมริกันจากการทำธุรกรรมกับประเทศหรือบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรได้

ตามข้อมูลจาก Coin Center ร่างกฎหมายนี้ได้ “สร้างอำนาจที่ขาดการตรวจสอบอย่างครอบคลุม ด้วยการแบนทุกอย่างที่มีความเชื่อมโยงกับ ‘ภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ’” อาจสร้างส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวงการ Crypto ได้

Austin Federa หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์จาก Solana Foundation กล่าวว่า ความสามารถในการบิดเบือนคำพูดนี้ อาจสร้างความกังวลให้แก่ชาวอเมริกัน

CryptoWendyO Youtuber ด้าน Bitcoin ได้แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า ร่างกฎหมายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ TikTok เพียงอย่างเดียว แต่มีความเกี่ยวข้องกับวงการ Crypto ด้วย “ใช่ ทั้ง Bitcoin, Crypto และ NFT ของคุณ การแบนสิ่งเหล่านี้คือเป้าหมาย”

นอกจากนี้ เนื้อหาด้าน Crypto รวมทั้งเนื้อหาที่ได้รับการเผยแพร่โดยกระดานเทรดอย่าง Binance และ Coinbase ยังมีการแชร์ลงบนแพลตฟอร์มของ TikTok ด้วย โดยขณะนี้ แฮ็ชแท็ค Crypto และ Cryptocurrency มีผู้เข้าชมรวมกันมากกว่า 3.4 หมื่นล้านครั้ง

Roland Guirdonan ผู้ที่เคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการชุมชนโซเชียลมีเดียในบริษัท Crypto หลายแห่ง เชื่อว่า TikTok เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างชุมชนสำหรับ Crypto ขึ้นมา โดยเขาได้กล่าวกับ Cointelegraph ว่า

“TikTok เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุดที่โปรเจกต์ Crypto หลายโปรเจกต์ใช้เพื่อสร้างการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและผู้ชมที่ใช้โซเชียลมีเดีย โปรเจกต์ Crypto ยังใช้ TikTok ในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ จัดการแข่งขัน และแคมเปญแจกเงินรางวัล ให้แก่ผู้เข้าชมทั่วโลก”

การแบน TikTok ในสหรัฐฯ จึงอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการสร้างกลุ่มผู้ติดตามวัยรุ่นของโปรเจกต์ Crypto ในประเทศได้

ในขณะที่ Mac Ocampo CEO จาก Follow แพลตฟอร์มโซเชียลด้าน Web3 กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การแบน TikTok อาจส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ อย่าง Meta กระโดดเข้ามาแทนที่ TikTok ได้ โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า

“หาก TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ มีโอกาสที่ Meta จะพัฒนา Instagram ให้กลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงของ TikTok ทำให้ Meta สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดของ TikTok ในสหรัฐฯ และผลักดัน Metaverse และ NFT ที่พึ่งทำการยกเลิกไป”


ที่มา: Cointelegraph