Jeff Garzik อดีตเพื่อนร่วมงานของ Satoshi Nakamoto ได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสามรองจาก Gavin Andresen และ Satoshi Nakamoto อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ สื่อ BeInCrypto, Garzik กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นมาจากนิยายวิทยาศาสตร์
Garzik ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือที่สร้างจากบอร์ดเกม Shadowrun ซึ่งมีสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า Nuyen
“ในปี 1990 นี่ถือเป็นแนวคิดที่แปลกมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นก่อนบัตรเดบิตของ Visa และอะไรทำนองนั้น” Garzik กล่าว
ฉากหนึ่งที่ทำให้ Garzik ถึงกับใจสั่น และยังคงตราตรึงอยู่กับเขาจนถึงทุกวันนี้ คือฉากที่ตัวละครตัวหนึ่งจ่ายเงินให้ตัวละครอีกตัว ด้วยสิ่งที่เราเรียกว่าแฟลชไดรฟ์ในปัจจุบัน
“คุณมอบสิ่งของดิจิทัลขนาดเล็กนี้ให้พวกเขา แต่มันมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ในโลกนิยาย และนั่นทำให้ผมรู้สึกทึ่งมากสำหรับผม สกุลเงินดิจิทัลที่กระจายอำนาจนั้นสร้างความประทับใจให้กับผมได้มากขนาดนี้เลย ฉะนั้นผมมั่นใจ 100% ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของผม” Garzik กล่าว
จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2010 Garzik บังเอิญเจอโพสต์บน Slashdot.org ที่พูดถึง Bitcoin โดย Garzik ได้กล่าวว่านักพัฒนาและผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin จำนวนหนึ่งจะสามารถติดตามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Crypto ได้ที่ลิงก์นั้น
ในขั้นต้น เขาสงสัยเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ และมันจะเป็นไปได้อย่างไรในฐานะสกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม Bitcoin เป็นโอเพ่นซอร์ส และเนื่องจากผู้สร้างโปรเจกต์นี้อย่าง Satoshi Nakamoto นั้นไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตน Garzik จึงได้รับหน้าที่ให้ดูแลเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้
“Satoshi ต้องการให้คนดูที่ผลงานของเขา ไม่ใช่บุคลิกและตัวตนของเขา” Garzik กล่าว
ประสบการณ์ร่วมงานกับ Satoshi Nakamoto
Garzik เริ่มต้นจากการเป็นนักพัฒนา Linux ซึ่งเขาคือผู้เขียน patches ของซอฟต์แวร์ และส่ง patches ไปเข้ารับการตรวจสอบ และช่วงเวลาของเขาในฐานะนักพัฒนา Bitcoin ก็เริ่มต้นขึ้น
Garzik เขียน patches, ทดสอบ, สร้าง software patches และส่งอีเมลถึง Satoshi และถ้าหาก Satoshi โอเค patches ที่เขาเขียนก็จะถูกรวมเข้ากับที่เก็บซอร์สโค้ดของ Bitcoin
Garzik กล่าวว่าเขารับรู้ถึงพรสวรรค์ของ Satoshi แม้จะไม่เปิดเผยตัวตนจนถึงทุกวันนี้ก็ตาม ซึ่ง Garzik มองว่า พรสวรรค์ของผู้สร้าง Bitcoin นั้นสามารถเทียบได้กับ Linus Torvald ผู้ประดิษฐ์ระบบปฏิบัติการ Linux Kernel
“เมื่อมองย้อนกลับไป Satoshi ก็เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งเช่นกัน แต่เขาไม่ใช่พวกคนหัวรุนแรงอย่างที่คนตีความกันในทุกวันนี้ เขาไม่ได้งี่เง่าเลย แต่เขาชัดเจนมาก รอบคอบ รัดกุม และเน้นสิ่งที่เขาต้องการ ผมแค่เขียน patches ให้ได้ตามกรอบที่เขาต้องการ มันไม่มีพื้นที่สีเทาสำหรับเขา”
ที่มา: beincrypto