<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย Ethereum พุ่งสูงขึ้นเกือบ 10 เท่า หลังเหรียญมีม pepe เริ่มกลายเป็นกระแส

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Sandwich bot ได้กลายมาเป็นรูปแบบการโจมตี Frontrunning หรือเครื่องมือหากินของนักลงทุนสายเก็งกำไรในเหรียญมีมอย่างเช่น pepe (PEPE) และ chad (CHAD) ซึ่งกำลังเป็นกระแสในชุมชน Crypto บน Twitter ทำให้มูลค่าของโทเค็นเหล่านี้มีผู้ถือเพิ่มขึ้นถึง 10,000% ภายในชั่วข้ามคืน

การโจมตีแบบ Sandwich Bot คือ การทำให้การทำธุรกรรมของผู้ใช้งานคนใดคนหนึ่งติดอยู่ระหว่างสองธุรกรรม จากนั้นบอทก็จะทำการปั่นราคาเพิ่มเติม โดยการกระทำนี้ สามารถทำได้โดยการซื้อสินทรัพย์เดียวกัน จากนั้นทำการขายโทเค็นเหล่านั้นให้แก่เหยื่อในการเทรดไปพร้อม ๆ กัน เพื่อทำให้ราคาของโทเค็นพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยและทำกำไรเข้ากระเป๋าของผู้โจมตี ซึ่งนำไปสู่การพุ่งขึ้นของค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย และในกรณีคือ Ethereum Blockchain

เหยื่อที่ถูกโจมตีอาจไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงการโจมตีนี้ แต่สำหรับ Sanwich bot การกระทำเช่นนี้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้โจมตีได้เป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ หากบอทตัวนี้ทำการโจมตีกระเป๋าเงินเป็นจำนวนหลายล้านใบ ด้วยจำนวนเงินโจมตีเพียงใบละไม่กี่ดอลลาร์ ดังนั้นเหยื่อจะไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ

กระเป๋าเงินชื่อ “Jaredfromsubway.eth” ได้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum ไปมากถึง 2 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความพยายามในการโจมตี Sandwich กับนักลงทุนเหรียญมีมเหล่านี้

การกระทำนี้ ทำให้ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจาก Dune Analytics แสดงให้เห็นว่า ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum พุ่งขึ้นแตะ 10 ดอลลาร์ในวันพุธ เทียบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่เพียงแค่ 1 ดอลลาร์เท่านั้น

จากการกระทำของ Jaredfromsubway.eth แสดงให้เห็นว่า กระเป๋าเงินใบนี้ได้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมคิดเป็นจำนวน 7% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมดบนเครือข่าย Ethereum ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และกลายมาเป็นผู้ที่จ่ายค่าธรรมเนียมมากที่สุดบนเครือข่าย

แม้จะไม่ชัดเจนว่า Jaredfromsubway.eth สามารถทำเงินจากการ Frontrunning ได้เป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่เขายังคงทำเช่นนี้ต่อไป ดังนั้นเขาเป็นไปได้ว่าเขาอาจทำเงินได้มากกว่าจำนวนเงินที่เขาเสียไปให้กับค่าธรรมเนียม


ที่มา: CoinDesk