<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Solana กลับมาฟื้นตัวหลังปล่อยตัวติดตามการเปิดตัว Carbon Emissions tracker ของเครือข่าย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนเริ่มหันกลับมาสนใจ Solana มากขึ้น หลังจากเครือข่าย Solana เปิดตัวแพลตฟอร์มติดตามข้อมูลการปล่อยคาร์บอนของเครือข่ายแบบ Real-Time เมื่อวันที่ 21 เมษายน

สิ่งที่แสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนก็คือ ราคาของสินทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 4% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยได้ขึ้นไปแตะที่ราคา 22.13 ดอลลาร์ และนี้อาจจะทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้งหลังจากร่วงติดต่อกันมาเกือบ 1 สัปดาห์

ความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ Market Cap ของเหรียญ Solana เพิ่มขึ้นเป็น 8.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 312 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

ผลจากการเปิดตัว Solana carbon emission tracker

Solana เปิดตัวแพลตฟอร์มติดตามข้อมูลในช่วงที่ภาคอุตสาหกรรมคริปโตกำลังเน้นไปที่การลด Carbon footprint โดยแพลตฟอร์มได้ติดตามข้อมูลเครือข่ายที่สำคัญ เช่น การใช้พลังงาน การปล่อยมลพิษ และ Network power intensity นอกจากนี้การติดตามการปล่อยมลพิษยังตรวจสอบในหลายแง่มุม ทำให่สามารถเข้าใจผลกระทบของเครือข่ายได้อย่างครอบคลุม

ข้อมูลที่น่าสนใจจากเครื่องมือติดตามได้ระบุว่า เครือข่าย Solana ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 10,651 ตันและใช้ไฟฟ้ามากกว่า 26,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2022 ถึง 31 มีนาคม 2023)

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของมูลค่า Solana ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ Ethereum killer” หลังจากอัปเดตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว

การเปิดตัว Emissions tracker ได้ส่งผลกระทบต่อเครือข่ายในแง่ดี เช่น ปริมาณ Addresses ที่ใช้งานในแต่ละวันเพิ่มขึ้นถึง 266,940 addresses ในวันที่ 22 เมษายน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 12% ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์

สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เครือข่าย Solana เป็นเครือข่ายที่เจอกับปัญหาการหยุดทำงานเป็นประจำซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดการตั้งคำถามกับมัน นอกจากนี้เครือข่ายยังต้องเจอกับการตรวจสอบหลังจากมีความเชื่อมโยงกับการล้มละลายของกระดานเทรด FTX

นอกจากนี้ Solana ยังมีการเปิดตัว Saga ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนของเครือข่าย Solana ที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในต้นเดือนพฤษภาคม และสิ่งนี้อาจจะเป็นประตูสู่การยอมรับคริปโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

Source: Finbold