<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

MicroStrategy เน้นย้ำธุรกิจซอฟแวร์ของตนเองไม่สามารถชำระหนี้ระยะยาวได้ แต่ Bitcoin สามารถทำได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

MicroStrategy กล่าวว่าไม่คาดหวังว่าธุรกิจซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะสร้างเงินสดได้เพียงพอสำหรับภาระหนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคาดหวังว่า Bitcoin จะสามารถเข้ามาช่วยชำระหนี้ในระยะยาวได้

MicroStrategy บอกใบ้ว่าบริษัทสามารถขาย Bitcoin (BTC) บางส่วนที่ถือครองไว้เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับภาระหนี้ระยะยาวที่มีมูลค่ารวม 2.208 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินต้นจะครบกำหนดภายในปี 2025

ตามเอกสารที่ยื่น เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม บริษัท MicroStrategy มีข้อกำหนดชำระหนี้เงินสดระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าดำเนินงาน ภาษีการเปลี่ยนแปลง และข้อตกลงการซื้อต่างๆ 

“เรามีเงินต้นสำรองเมื่อครบกำหนดของตราสารหนี้ระยะยาวรวมมูลค่า 2.208 พันล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากนี้ยังมีดอกเบี้ยคูปอง 17.7 และ 0.1 ล้านดอลลาร์ที่ครบกำหนดชำระต่อเดือนสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้องกับหนี้ที่มีหลักประกันระยะยาวอื่น ๆ ของเรา”

บริษัท MicroStrategy ยังได้บอกต่ออีกว่าเขาไม่คาดหวังว่าเงินสดที่เกิดจากธุรกิจซอฟแวร์นั้นจะเพียงพอต่อการชำระหนี้เหล่านี้ ดังนั้นที่ผ่านมาบริษัทจึงวิเคราะห์หาทางเลือกต่าง ๆ รวมถึงกู้ยืม BTC หรือขายการถือครองบางส่วนเพื่อปรับสมดุลงบดุลมาโดยตลอด

ทางเลือกอื่นๆ ที่บริษัทมี ได้แก่ การรีไฟแนนซ์ภาระหนี้ การจัดหาเงินสดจากแหล่งอื่นๆ เช่น การออกและขายหุ้นสามัญประเภท A หรือแม้กระทั่งการชำระภาระผูกพันหุ้นกู้แปลงสภาพภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีชื่อบางประการ

ในเดือนธันวาคม 2022 MicroStrategy ได้เทขาย Bitcoin บางส่วนที่ถือครองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสะสม ในเวลานั้น โดยบริษัทกล่าวว่าได้ขายสินทรัพย์เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางภาษี

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาบริษัทก็ได้ซื้อคืน Bitcoin ไป 7,500 BTC ในช่วงไตรมาสแรกของปี ทำให้ปัจจุบันมี Bitcoin ทั้งหมดที่ถือครองอยู่ที่ 140,000 BTC ซึ่งมากกว่า Mt. Gox กระดานเทรดที่ล้มละลายและกำลังจะทำเรื่องคืนสินทรัพย์ให้กับลูกค้า

ทั้งนี้แนวทางการซื้อ BTC ของ MicroStrategy ได้ดึงดูดสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมหลายแห่งให้ซื้อหุ้นของบริษัทเพื่อรับความเสี่ยงทางอ้อมจากสินทรัพย์ดิจิทัลตามคำกล่าวของประธาน Michael Saylor

ปัจจุบันหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 166% นับตั้งแต่เริ่มนำมาตรฐาน BTC มาใช้ในปี 2020 ซึ่งสร้างผลกำไรคืนให้กับนักลงทุนได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำ Nasdaq S&P 500 เป็นอย่างงมาก