เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สื่อข่าว Insider รายงานว่าเอกสารภายในของ “Google” มีข้อความของวิศวกรอาวุโสที่ระบุไว้ว่า Google และ OpenAI อาจไม่ใช่ผู้ชนะในการแข่งขันพัฒนา AI ที่ดุเดือดอีกต่อไป เนื่องจากคู่แข่งที่มองข้ามมาโดยตลอดกำลังพัฒนา AI แซงหน้าพวกเขา
เอกสารภายในของ Google ที่รั่วไหลออกมาในครั้งนี้ ถูกแชร์ครั้งแรกบน Discord โดยบัญชีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน จากนั้นเอกสารดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่โดยบริษัทที่ปรึกษา SemiAnalysis
หลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ทาง Google ได้ออกมากล่าวว่า “ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไรเลยที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ” ในการแข่งขันด้าน AI ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เอกสารดังกล่าวเขียนโดย Luke Sernau วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับอาวุโสของ Google โดยในรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ในขณะที่ Google “มองข้าม” คู่แข่งอย่าง Open-source แต่วิศวกร Open-source กลับกำลังแซงหน้า Google และ OpenAI อย่างเงียบ ๆ
“ความจริงที่ไม่สบายใจก็คือ เราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถชนะการแข่งขันด้านเทคโนโลยีนี้ และ OpenAI ก็จะไม่ใช่ผู้ชนะเช่นกัน เพราะในขณะที่เรากำลังทะเลาะกัน มีกลุ่มที่สามกำลังแซงหน้าพวกเราอย่างเงียบๆ” เอกสารระบุ “ผมกำลังพูดถึง Open-source แน่นอน พวกเขากำลังแซงหน้าเรา”
Sernau เสริมว่าหากไม่มี “คุณสมบัติพิเศษ” ความหวังที่ดีที่สุดของ Google คือ “เรียนรู้และร่วมมือกับสิ่งที่ผู้อื่นกำลังทำ” และจัดลำดับความสำคัญของการบูรณาการกับ third-party
Sernau กล่าวว่าวิศวกร Open-source กำลังทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยเงิน 100 ดอลลาร์ ในขณะที่ Google “ต้องดิ้นรน” สร้างสิ่งต่าง ๆ ด้วยเงิน 10 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นั้น และพวกเขาก็ไม่เคยมีเวลาถึง 1 เดือน
Sernau กล่าวว่า “แบบจำลองของเรายังคงได้เปรียบเล็กน้อยในแง่ของคุณภาพ” แต่วิศวกร Open-source สามารถแก้ไขหลายสิ่งหลายอย่างที่ Google เห็นว่าเป็น “ปัญหาที่สำคัญ”
Sernau อ้างอิงถึงความท้าทายเกี่ยวกับการใช้งานโมเดล AI บนโทรศัพท์ว่าเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง โดยเขากล่าวว่าวิศวกร Open-source สามารถทำได้บน Google Pixel 6
“โมเดลของ Open-source นั้นเร็วกว่า ปรับแต่งได้มากกว่า เป็นส่วนตัวกว่า และ pound-for-pound มีความสามารถมากกว่า” Sernau กล่าว
ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดครั้งใหม่เพื่อชิงความเป็นใหญ่ด้านผู้พัฒนา AI ซึ่งเป็นสงครามที่กำลังดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT ในเดือนพฤศจิกายน
ที่มา: businessinsider