สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของสหรัฐอเมริกาทำให้ผู้เชี่ยวชาญเกิดความกังวล ซึ่งตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่ามีผู้ให้กู้จำนวนมากกำลังจะล้มละลาย
สื่อ This is Money ได้รายงานเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมว่า ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Hoover Institution ได้เน้นย้ำว่าธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังขาดทุน และสิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลที่เพิ่มขึ้นในภาคการธนาคาร
มีรายงานว่าวิกฤตดังกล่าวส่งผลต่อบริษัทผู้ให้กู้ประมาณ 200 ราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนาย Amit Seru ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัย Stanford และเป็นหนึ่งในผู้เขียนรายงานได้กล่าวว่า
“มีธนาคารที่อาจล้มละลายหลายแห่งแฝงตัวอยู่ในระบบ”
นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าการล้มละลายของธนาคารครั้งใหญ่ที่สุด 3 ใน 4 ครั้งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนผ่านมาเป็นสิ่งที่น่าตกใจมาก
ช่องโหว่ในงบดุลธนาคาร
ข้อมูลจากนาย Amit Seru ได้บอกว่า จากการวิเคราะห์ภาคการธนาคารทำให้พบว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดงบดุล และบอกว่าเหตุการณ์การล้มละลายของธนาคารเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
“เราพบช่องโหว่ขนาดใหญ่ในงบดุลของภาคธนาคารโดยรวม ซึ่งขาดดุลมากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์”
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจหากเราเห็นข่าวการล้มละลายของธนาคารเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเริ่มจากการล้มละลายของธนาคาร Silicon Valley Bank และ Signature Bank และสถานการณ์ต่าง ๆ ก็รุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดการล้มละลายของธนาคาร First Republic Bank เมื่อเร็ว ๆ นี้
ความสนใจใน Bitcoin
ความวุ่นวายในภาคการธนาคารของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ทางเลือก และ Bitcoin ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี
นาย Greg Foss ผู้อำนวยการบริหารของบริษัท Validus Power Corp. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin สามารถทำหน้าที่เป็นประกันสำหรับวิกฤตในระบบการเงินแบบดั้งเดิม
“คุณสามารถมอง Bitcoin ว่าเป็นหลักประกันสำหรับวิกฤตในระบบเงิน Fiat โดย Bitcoin เป็นตลาดที่เสรีและเปิดกว้าง เป็นสิ่งที่สวยงามและมีความหมายที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละคน และมันได้รับคุณค่าในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย”
เขาชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ไม่ได้ถูกควบคุม และเรียกเงิน Fiat ว่าเป็นโปรเจ็คแชร์ลูกโซ่ที่มีเจ้ามือเป็นนาย Jerome Powell ประธาน FED
Source: Finbold