Paypal ได้เปิดเผยการถือครอง Crypto ของพวกเขาว่ามีมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ตามรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เมื่อวานนี้
PayPal บริษัท FinTech ด้านการชำระเงินยักษ์ใหญ่ของโลกได้เป็นเจ้าของ Bitcoin (BTC) มูลค่า 499 ล้านดอลลาร์, Ethereum (ETH) 362 ล้านดอลลาร์, Bitcoin Cash (BCH) และ Litecoin (LTC) 82 ล้านดอลลาร์ โดยได้ถือครองเพิ่มมากขึ้นกว่า 30% นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2022
ธุรกิจของ PayPal ถูกคุกคามจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง
PayPal ประกาศผลกำไรที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 88 เซนต์ในปีที่แล้ว ส่งผลให้รายรับเพิ่มขึ้น 10% เป็น 7 พันล้านดอลลาร์
บริษัทได้ลดการคาดการณ์การขยายตัวของอัตรากำไรจากการดำเนินงานจาก 125 เป็น 100 ก่อนที่ท้ายที่สุดจะส่งผลให้หุ้นร่วงลง 5% ในการซื้อขายช่วงสายเมื่อวานนี้ ทั้งนี้นักลงทุนสงสัยว่าบริษัทอาจสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Apple คู่แข่งอย่างเป็นทางการ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้การใช้งานลดลงเนื่องจากลูกค้าที่มีรายได้น้อยนั้นลดลง
ลูกค้า PayPal สามารถซื้อถือครอง ขาย รับ และส่ง Crypto รวมถึงสามารถใช้รายได้จากการขายเมื่อชำระเงินด้วย PayPal ซึ่งได้มอบความไว้วางใจในการดูแลและรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ crypto ให้กับบุคคลที่สามอย่าง Gemini และ Coinbase Custody เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ดังกล่าว
Venmo ซึ่ง PayPal ซื้อกิจการในปี 2013 ช่วยให้ลูกค้าส่ง Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Bitcoin Cash ไปยังผู้ใช้รายอื่นและกระเป๋าเงินภายนอกได้ ทั้งนี้ผู้ใช้ Venmo ยังสามารถส่ง crypto ไปยังกระเป๋าเงิน PayPal ได้อีกด้วย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานว่า PayPal หยุดการพัฒนา Stablecoin ในขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของนิวยอร์กกำลังตรวจสอบหุ้นส่วน Paxos
PayPal ขับเคลื่อนการยอมรับ Crypto
ผู้ให้บริการชำระเงินที่เชื่อถือได้กำลังผลักดันการยอมรับ crypto ให้ก้าวไกลไปทั่วโลก โดยผู้ถือครองกระเป๋าเงิน MetaMask ในสหรัฐอเมริกาสามารถซื้อ crypto โดยใช้ PayPal โดยตรง อีกทั้งยังสามารถใช้บัตรเดบิต PayPal เพื่อซื้อ crypto บน Coinbase ได้ทันที
Stripe คู่แข่งของ PayPal อนุญาตให้บริษัท cryptoซื้อ crypto ด้วยเงิน Fiat พร้อมมีวิดเจ็ตในเกมเพื่อให้นักเล่นเกมสามารถเติมเงินในกระเป๋าเงินได้
รองประธานฝ่ายบล็อกเชนของ Mastercard กล่าวว่า
“อุตสาหกรรมของเรากำลังพิจารณากรณีการใช้งานต่อไปของบล็อกเชน โดยยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินเพิ่งเปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานเพื่อรับรองการทำธุรกรรมระหว่างลูกค้าและธุรกิจโดยใช้เครือข่ายบล็อกเชนเมื่อไม่นานมานี้”
เป็นที่ทราบกันดีว่า Visa คู่แข่งของ Mastercard มาอย่างยาวนานได้ประกาศโครงการใหม่เพื่อผลักดันให้มีการใช้ Stablecoin จำนวนมากในบล็อกเชนสาธารณะ ซึ่งก่อนหน้านั้น Visa ร่วมมือกับ Circle เพื่อเสนอธุรกรรม USDC กับบัตรเครดิตบางประเภท