<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ภาระหนี้ของสหรัฐฯ อาจสูงถึง 2 ร้อยล้านล้านดอลลาร์ หากประชากรยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนในตำนานนาย Stanley Druckenmiller เตือนว่าสถานการณ์ทางการคลังของอเมริกาอาจบีบให้ประเทศต้องละยกเลิกโครงการทางสังคมและสิทธิ์ต่าง ๆ

ในการกล่าวปราศรัยครั้งล่าสุดของนาย Druckenmiller หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Druck” กล่าวว่ามีเพียงไม่กี่คนที่มองเห็นปัญหาเกี่ยวกับความรุนแรงของหนี้สหรัฐฯ และส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงโครงการต่าง ๆ ของรัฐจำนวนมหาศาลที่ต้องหาทางใช้หนี้คืนในอนาคต

นาย Druckenmiller กล่าวว่า หากคุณมองถึงหนี้ของรัฐบาลที่เกิดจากสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ให้ผู้สูงอายุในอเมริกา คุณจะพบว่าจริง ๆ แล้วสหรัฐ ฯ จะมีหนี้เกือบ 2 ร้อยล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 7 เท่าของจำนวนที่ทางการเผยแพร่

“ความประมาททางการเงินในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทำให้เราเจอกับวิกฤตขั้นรุนแรง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ของเราเพิ่มจาก 15 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 31 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งระดับของหนี้ในตอนนี้เทียบได้กับช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่แย่กว่านั้นคือ หนี้ก้อนนี้ไม่ได้รวมสิทธิ์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลสัญญาว่าจะจ่ายให้คุณทั้งในแง่ของประกันสังคมและ Medicare”

“ในช่วงทศวรรษที่ 1950 หนี้ “off-the-book” มีอยู่น้อยเนื่องจากคนรุ่น baby boomer เพื่งเกิด ดังนั้นการคำนวณหนี้ในช่วงนั้นจึงเป็นการคำนวณที่ดูสมเหตุสมผล แต่มันไม่มีอีกแล้วหากมองในปัจจุบัน หากคุณเชื่อว่ารัฐบาลจะจ่ายหนี้ให้กับผู้สูงอายุในอนาคตเหมือนกับที่จ่ายในปัจจุบัน หนี้ของสหรัฐฯ จะสูงถึง 2 ร้อยล้านล้านดอลลาร์”

นาย Druckenmiller เป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงจากการทำงานร่วมกับมหาเศรษฐีนักการเงิน George Soros ในช่วงปี 1990 และเขาได้บอกว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่สนใจและกำลังหาเหตุผลที่เข้าข้างตนเองเกี่ยวกับระดับหนี้ของสหรัฐฯ

ตามที่เขาพูด สหรัฐฯ จำเป็นต้องยกเลิกโครงการต่าง ๆ บางโครงการทันที เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต

“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเลิกเสแสร้งว่าการตัดสิทธิ์ต่าง ๆ ออกเป็นทางเลือก มันไม่ใช่ ถ้าเราไม่ตัดมันวันนี้ยังไงเราก็ต้องตัดมันอีกมากในวันพรุ่งนี้”

นอกจากนี้เขายังเตือนว่า “ประชากรกำลังเพิ่มสูงขึ้น” และชาวอเมริกันที่เข้าสู่วัยเกษียณมากขึ้น เงินทุนทุนก็จะไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนพวกเขา

ในตอนนี้ หนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ที่ 31.7 ล้านล้านดอลลาร์

Source: DailyHodl