<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘Elon Musk’ กล่าวขิง ChatGPT กับ OpenAI “มีวันนี้ได้เพราะพี่ให้”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

“OpenAI เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะผม” Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ Twitter กล่าวเมื่อวันอังคารระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNBC

เมื่อผู้สัมภาษณ์ถาม David Faber ว่า เขาลงทุนกับผู้สร้าง ChatGPT ไปเท่าไหร่ Elon Musk ตอบว่า “ผมไม่แน่ใจตัวเลขที่แน่นอน แต่เป็นตัวเลขน่าจะอยู่ที่ราว ๆ 50 ล้านดอลลาร์”

“มันมีวันนี้ได้ก็เพราะผม” เขากล่าวเสริม

Elon Musk ได้เข้าร่วมกับ Sam Altman, Greg Brockman, Ilya Sutskever, John Schulman และ Wojciech Zaremba เพื่อก่อตั้ง OpenAI ขึ้นในเดือนธันวาคม 2015

“ผมมีบทบาทสำคัญในการเฟ้นหานักวิทยาศาสตร์และวิศวกรคนสำคัญ โดยเฉพาะ Ilya Sutskever” Musk กล่าว “ซึ่งการที่ Ilya เข้ามาทำให้ชายผู้นี้กลายเป็นฟั่นเฟืองส่วนสำคัญที่ทำให้ OpenAI ประสบความสำเร็จ”

เกือบ 7 ปีต่อมา ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทาง OpenAI ได้เปิดตัว AI แชทบอท ChatGPT เป็นครั้งแรก ทำให้ AI กลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทั่วโลกจับตามอง

Musk กล่าวว่าชื่อ OpenAI หมายถึงซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งมันเป็นอุดมคติแบบโอเพ่นซอร์ส ที่ทุกคนสามารถใช้งานซอร์สโค้ดของโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มได้อย่างฟรี ๆ และสามารถแก้ไขออกแบบใหม่ได้

Musk กล่าวว่า แนวคิดของ OpenAI คือการสร้างสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ Google โดย Musk มองว่าเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่แสวงหาแต่ผลกำไร

“แรงจูงใจในการทำกำไรนั้นอาจเป็นอันตราย” เขากล่าว

Musk กล่าวว่าเขาและ Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google มีการสนทนากันอย่างยาวนานเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง AI

“ผมเตือนให้เขาระวังอันตรายของ A.I. อยู่เสมอ” Musk กล่าว “เพราะเขาไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับธรรมชาติของ AI และค่อนข้างกล้าได้กล้าเสียเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ในปี 2014 Google ได้ซื้อ DeepMind Technologies ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัย AI ในสหราชอาณาจักรด้วยมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์

แม้ว่าแนวคิดของ Google อาจดึงดูดใจ Musk แต่เขามองว่า เป็นความพยายามที่ดูสิ้นหวังในตอนแรก

“เราจะแข่งขันกับ Google DeepMind ได้อย่างไร” Musk กล่าว “สิ่งนี้ดูเหมือนมดกับช้างมันไม่ใช่การแข่งขัน”

Musk เริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ OpenAI ที่เบนทิศทางของบริษัทได้สู่โมเดลแบบปิดที่แสวงหาผลกำไรเหมือนที่ Google ทำ

“มันดูแปลกที่บางอย่างสามารถเป็นโอเพ่นซอร์สที่ไม่แสวงหาผลกำไรได้ แต่ก็กลับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นโอเพ่นซอร์สเพื่อแสวงหาผลกำไร” เขากล่าว โดยเปรียบมันกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้นเพื่อกอบกู้ป่าฝนอเมซอนที่แปรสภาพเป็นไม้แปรรูป บริษัท.

“ผมคิดนะว่าการทำความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อการผลักดันมาถึง สมมติว่าพวกเขาสร้างสุดยอด AI ขึ้นมาได้ ซึ่งเกือบจะเป็นความฉลาดระดับเทพ แต่ใครจะเป็นคนควบคุมมันละ”

นอกจากนั้น Musk ยังกล่าวถึง ความกังวลของเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง OpenAI และซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทตั้งแต่ปี 2019

“ผมกังวลว่า Microsoft อาจเข้าควบคุมบริษัทได้มากกว่าที่ทีมผู้นำของ OpenAI” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า Microsoft มีสิทธิ์ในซอฟต์แวร์ทั้งหมดและทุกสิ่งที่จำเป็นในการดำเนินการและการเข้าควบคุม OpenAI

อย่างไรก็ตาม Musk มองว่า AI เปรียบเสมือนดาบสองคม เขากล่าวว่าเทคโนโลยีนี้น่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก สร้างยุคแห่งความอุดมสมบูรณ์

“แต่มีโอกาสที่จะผิดพลาดและบ่อนทำลายมนุษยชาติ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าโอกาสนั้นน้อยนิด แต่ก็ไม่ใช่ศูนย์

ในเดือนมีนาคม Musk และสมาชิกชุมชนเทคโนโลยีระดับสูงหลายคน รวมถึง Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดพัฒนา AI ชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากเปิดตัว GPT-4 ของ OpenAI เพื่อร่วมกันค้นหาวิธีควบคุมเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ 

ที่มา : decrypt