<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance เตรียมรับมือ หลังเทคโนโลยี ‘Deepfake’ ถูกใช้งานและผ่านการตรวจสอบ KYC มากขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของ Binance เตือนว่า เทคโนโลยี Deepfake ที่ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีในวงการ Crypto นำไปใช้เพื่อผ่านการตรวจสอบตามนโยบาย know-your-customer (KYC) ของกระดานเทรดอย่าง Binance มีแต่จะพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น

Deepfake เป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นจากเครื่องมือ AI ที่ใช้วิธีการ Machine learning ในการสร้างเสียง ภาพ หรือวิดีโอ ที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งมีภาพของบุคคลนั้น ๆ อยู่ในภาพดังกล่าว โดยเทคโนโลยีนี้ แม้ว่าจะมีกรณีการใช้งานจริงอย่างถูกต้อง แต่เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ในการ Scam และสร้างข่าวปลอมขึ้นมาได้เช่นกัน

ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph, Jimmy Su หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของ Binance กล่าวว่า จำนวนผู้ไม่ประสงค์ดีที่ใช้เทคโนโลยีในการผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนของ Binance ได้มีมากขึ้น

“แฮกเกอร์ จะมองหารูปภาพปกติของเหยื่อจากเว็บไซต์ออนไลน์ จากนั้น จะใช้เครื่องมือ Deepfake ในการสร้างวิดีโอ ทำให้พวกเขาสามารถผ่านกระบวนการนั้นมาได้”

Jimmy Su กล่าวว่า เครื่องมือในการสร้าง Deepfake มีความก้าวหน้ามากขึ้นถึงขั้นที่สามารถตอบสนองต่อคำสั่งทางเสียงที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่า ผู้สมัครเป็นมนุษย์จริง ๆ ได้อย่างถูกต้องและสามารถตอบคำถามได้แบบ Real-time

“การตรวจสอบบางอย่าง ได้ขอให้ผู้สมัครทำการกะพริบตาข้างซ้าย หรือมองไปทางซ้ายหรือขวา มองขึ้นด้านบนหรือมองลงด้านล่าง ซึ่งความก้าวหน้าของ Deepfake ในปัจจุบัน สามารถทำตามคำสั่งเหล่านี้ได้” เขาอธิบาย

อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า วิดีโอปลอมเหล่านี้ยังไม่ถึงระดับที่สามารถหลอกเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์ได้

“เมื่อพวกเราดูวิดีโอเหล่านี้ มันมีจุดที่พวกเราสามารถจับได้ผ่านสายตาของมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้สมัครถูกขอให้ทำการหันศีรษะไปด้านข้าง” เขากล่าว

“AI จะสามารถเอาชนะได้เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น มันไม่ใช่อะไรที่พวกเราสามารถเชื่อถือได้ไปตลอด”

เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2022 Patrick Hillmann หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Binance ได้กล่าวเตือนว่า “ทีมแฮกเกอร์ที่มีความชำนาญ” ได้ใช้ข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์และการปรากฏตัวผ่านสื่อของเขาในการสร้าง “Deepfake” ของเขาขึ้นมา

Deepfake ของ Patrick Hillmann ถูกใช้ในการประชุมผ่าน Zoom กับทีมโปรเจกต์ Crypto หลายทีม ในการให้สัญญาว่าโทเค็นของทีมเหล่านั้นจะถูก List บน Binance แลกกับการจ่ายเงิน

“มันเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากมาก” Jimmy Su กล่าว “แม้ว่าพวกเราจะสามารถควบคุมวิดีโอของตัวเองได้ แต่มันยังคงมีวิดีโอหลายคลิปข้างนอกนั่นที่พวกเราไม่ได้เป็นเจ้าของ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ การให้ความรู้แก่ผู้ใช้งาน”


ที่มา: Cointelegraph