Trezor ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ รายงานว่า ยอดขายรายสัปดาห์ของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึง 900% ตามแถลงการณ์ที่เผยแพร่กับ CryptoSlate เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม
การพุ่งขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสต่อต้านระบบกู้คืน Seed Phase ของ Ledger โดยนาย Matěj Žák CEO ของ Trezor กล่าวในแถลงการณ์ว่า “พวกเราเชื่อว่า กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์หรือ Cold storage ที่สัญญาว่าจะดูแลตนเองได้ (self-custody) 100% ควรทำให้ Seed phrase สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ยกเว้นผู้ใช้งาน”
Trezor กล่าวว่า บริษัทเป็น Open-source อย่างเต็มรูปแบบ นั่นหมายความว่า ทุกคนสามารถทำการตรวจสอบกระบวนการทั้งหมดของฟังก์ชันที่ใช้ในกระเป๋าเงินได้ ดังนั้นการควบคุม Seed phrase จากระยะไกล (remote) จึงเป็นไปไม่ได้เลย
ระบบกู้คืน Seed Phase ของ Ledger ได้สร้างความกังวลให้แก่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของ Seed phrase ที่อาจถูกจัดเก็บไว้ในรูปแบบออนไลน์และความจำเป็นของกระบวนการยืนยันตัวตน know-your-customer (KYC)
ข้อมูลลูกค้า Ledger ที่รั่วไหลเมื่อปี 2020 ก่อให้เกิดคำถามถึงวิธีการที่ทางบริษัทใช้จัดการกับข้อมูลของบริษัท ขณะที่ผู้ใช้งานตั้งข้อสงสัยต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และ Seed phrase ของพวกเขา แม้ว่าผู้คนเหล่านั้นจะไม่ได้ทำการสมัครสมาชิกบริการ Ledger Recovery ก็ตาม
Ledger ตัดสินใจที่จะยุติการเปิดตัวฟีเจอร์นี้เป็นการตอบสนองต่อความกังวลของชุมชน Crypto ในขณะที่ทำการปรับโครงสร้างของโค้ดใหม่และให้ความสำคัญต่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ในขณะเดียวกัน Unciphered บริษัทสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัย รายงานว่า บริษัทได้ค้นพบวิธีแฮ็กกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์โมเดล Trezor T ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลถึงระดับความปลอดภัยของ Trezor ตามที่ทาง Siam Blockchain ได้รายงานไปเมื่อก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม Tomáš Sušánka CTO ของบริษัท ได้กล่าวยืนยันว่า การโจมตีกระเป๋าเงินนี้ “จำเป็นต้องมีการโจรกรรมกระเป๋าเงินทางกายภาพ รวมทั้งมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและเครื่องมือขั้นสูง”
ที่มา: CryptoSlate