<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงอาจเบี้ยวชำระหนี้ เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตอย่างไร?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ภาระหนี้สินของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์มาได้พักใหญ่แล้ว แต่แทนที่จะได้รับการแก้ไข สถานการณ์นี้กลับเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี

ในปี 2022 ภาระหนี้สินของสหรัฐฯ นั้นสูงระดับ 30 ล้านล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยได้ราว ๆ 1 พันล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าภาระหนี้สินส่วนนี้จะเพิ่มสูงจนถึง 40 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า

หนี้ก้อนนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด Crypto เช่นกัน แต่ก่อนอื่นทางสยามบล็อกเชนจะขอพาทุกคนมาดูกันก่อนว่า ปัญหาสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้น จะเป็นปัญหาในลักษณะไหนบ้าง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ปัญหาหลักข้อแรกที่สำคัญที่สุด คือ “การเสื่อมมูลค่า” ซึ่งหมายความว่ายิ่งรัฐบาลจำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยหนี้แพงมากขึ้นเรื่อย ๆ การที่จะนำเงินไปใช้เพื่อช่วยเหลือในภาคบริการให้แก่ประชาชนก็จะทำได้ยากขึ้น

ดังนั้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามกู้เงินเพิ่มมากขึ้น การจ่ายดอกเบี้ยจะกลายเป็นภาระด้านในงบประมาณของรัฐบาลมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้รัฐบาลพยายามลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ จนอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

ปัญหาอีกด้านหนึ่ง คือ ภาระหนี้สินก้อนใหญ่นี้อาจนำไปสู่ “ภาวะเงินเฟ้อ” เพราะถ้าหากรัฐบาลพยายามเสกเงินออกมามากขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการชำระหนี้ ก็จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเกิดภาวะเงินเฟ้อจนทำให้ผู้คนต้องซื้อสินค้าและบริการในราคาที่แพงขึ้น อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อยังทำให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้ยากขึ้น และอาจนำไปสู่ปัญหาการตกงานในที่สุด

ผลกระทบต่อตลาด Crypto

แม้ว่าหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ จะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกัน ภาระหนี้ก้อนนี้ก็อาจส่งผลร้ายแรงต่อตลาด Crypto ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก Crypto เป็น “ตัวป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ” ซึ่งถ้าหากหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนก็อาจมองว่า Crypto มีความน่าสนใจน้อยลง

ในขณะเดียวกัน ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ ท้ายที่สุดแล้วสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน ซึ่งสิ่งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อตลาด Crypto ในภาพรวมได้

นอกเหนือจากผลกระทบทั้งสองด้านในข้างต้นแล้ว ตลาด Crypto ยังอาจได้รับผลกระทบจากหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ในอีก 3 อีกกรณีที่แตกต่างกันอีกด้วย ได้แก่

Crypto อาจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น :

หากการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ จนทำให้มูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ผู้คนทั่วโลกก็อาจต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐน้อยลง และอาจมองหาสกุลเงินอื่นมาใช้เป็นที่เก็บมูลค่าหรือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแทนเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้ Crypto กลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจาก Crypto ถูกมองว่าเป็นสกุลเงินทางเลือกที่มีความเสถียรและมีความปลอดภัย

ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาด Crypto:

การอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ อาจส่งผลให้ตลาด Crypto มีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะขายเหรียญ Crypto ของตนเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ปลอดภัยตัวอื่น ๆ เช่น ทองคำ หรือหุ้น

การตรวจสอบด้านกฎระเบียบของ Crypto อาจมีความเข้มงวดมากขึ้น:

การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจนำไปสู่การตรวจสอบด้านกฎระเบียบของ Crypto ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลอาจมองว่า Crypto เป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงิน

ในภาพรวมนั้น การผิดนัดชำระหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมของตลาด Crypto ดังนั้นนักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ และควรพิจารณากลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบอยู่เสมอ

บทความนี้จัดทำขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลจาก Bard ซึ่งเป็น Generative AI ที่ได้รับการฝึกฝนจากทีมพัฒนาของบริษัท Google คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้