เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ได้เขียนแสดงความคิดเห็นต่อถึงความวุ่นวายในอุตสาหกรรม Crypto ว่า “อาจทำให้ผู้ออกกฎหมายของสหรัฐฯ กำหนดสินทรัพย์ Crypto ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความมั่นคง” ซึ่งเป็นสิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่ โดยการมอง Crypto ว่าเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรหรือการพนัน แทนที่จะเป็นรากฐานของเทคโนโลยีทางการเงิน
“การที่ไม่เห็นว่า Crypto เป็นอะไรที่มากไปกว่าการทำธุรกรรมส่วนบุคคล อาจทำให้บทบาทอันทรงเกียรติของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำทางการเงินโลกอาจตกอยู่ในความเสี่ยง”
คำกล่าวนี้ ถูกกล่าวย้ำโดยผู้บริหารในอุตสาหกรรม Crypto และวุฒิสมาชิกหลายคน อย่างไรก็ตาม SEC ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับว่า สินทรัพย์นี้จำเป็นต้องมีกฎระเบียบเป็นของตนเอง
“ด้วยการบังคับใช้นโยบายที่เข้มงวด สหรัฐฯ กำลังไล่ต้อนนวัตกรรม Crypto ให้ออกนอกประเทศ” Brian Armstrong กล่าว พร้อมเสริมว่า สหรัฐฯ และประเทศประชาธิปไตยอื่น ๆ ต่างต่อต้านระบบดิจิทัล “ที่ได้รับการโปรโมทโดยคู่อริที่มีความทะเยอทะยานสูงอย่างจีน”
ประเทศจีน กำลังทำการโปรโมทแพลตฟอร์มดิจิทัลของประเทศอย่าง Alipay และ Tencent ให้กระจายไปทั่วโลกผ่านโครงการ Belt and Road Initiatives นอกจากนี้ จีนยังผลักดัน CBDC ของตัวเองอีกด้วย โดยจีนได้มุ่งท้าทายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และบทบาทของเงินสกุลนี้ต่อการเงินโลก
“จากความเคลื่อนไหวและกลยุทธ์ของจีนในการยกระดับเทคโนโลยีทางการเงินเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหากฮ่องกงจะอยู่ในตำแหน่งของการเป็นศูนย์กลางด้าน Crypto”
แม้ว่าจีนจะเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุด แต่ประเทศอื่น ๆ ต่างกำลังแข่งขันกันออกกฎหมาย Crypto รวมไปถึงสหราชอาณาจักรฯ, สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บราซิล, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ซึ่งต่างแย่งชิงตำแหน่งศูนย์กลาง Crypto อย่างดุเดือด
Brian Armstrong ยังได้เปิดเผยด้วยว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่รู้สึกว่า ระบบการเงินของประเทศในปัจจุบัน ไม่ได้ส่งผลดีต่อผลประโยชน์ของพวกเขา โดยผลสำรวจเผยว่า 70% ของชาวอเมริกันเชื่อว่า ลูกของพวกเขาจะมีชีวิตอย่างยากลำบาก หากระบบการเงินของประเทศไม่มีความเปลี่ยนแปลง หนี้ของสหรัฐฯ ที่ไม่มีเพดานหนี้และภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันทุกคน เว้นเสียแต่คนรวย
“หากเราล้มเหลวในวันนี้ คนอเมริกันรุ่นหลังจะต้องรับผลกรรม” เขากล่าวเตือน
ที่มา: CryptoPotato