<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

JPMorgan ประกาศตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน เน้นให้บริการมหาเศรษฐีจำนวน 0.01% ของโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

JPMorgan Chase & Co ได้สร้างบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลกขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยบริษัทนี้ จะมุ่งเน้นไปที่มหาเศรษฐีและบริษัทลงทุนของพวกเขา 

บริษัทนี้ ถูกสร้างขึ้นก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19  นำโดย Andy Cohen ประธานบริหารของ JPMorgan Global Wealth Management โดยปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งให้บริการแก่ผู้ใช้บริการในสหรัฐฯ เอเชีย และยุโรป ทั้งยังมีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารเอกชนต่าง ๆ 

บริษัทนี้ถูกเรียกว่า 23 Wall ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ครอบครัวมหาเศรษฐีจำนวน 700 ครอบครัวที่มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ราว 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

“พวกเราสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น” Andy Cohen กล่าวในการให้สัมภาษณ์จากสำนักงานของธนาคารในลอนดอน “พวกเราจะเติบโตต่อไป”

ธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างกำลังแย่งชิงส่วนแบ่งของความร่ำรวยที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 10 วันที่ผ่านมา บริการ Private bank ของ JPMorgan มีการเปิดบัญชีใหม่ถึง 4,000 บัญชี และในปีที่แล้ว ธนาคารนี้มีลูกค้าใหม่ที่มีสินทรัพย์จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปเพิ่มขึ้น 1 คนต่อ 1 วัน Mary Erdoes ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกัน Goldman Sachs Group Inc. ก็กำลังขยายบริการ Private banking ที่มุ่งไปที่สำนักงานครอบครัวอีกด้วย เช่นเดียวกับ Citigroup Inc. ที่เปิดสำนักงาน Private banking ใหม่เมื่อปีที่แล้ว ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มผลตอบแทนของธนาคาร

ความเคลื่อนไหวนี้ แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองของธนาคารใหญ่ต่อความซับซ้อนในการจัดการความร่ำรวยของบุคคลและครอบครัวต่าง ๆ ซึ่งเลือกที่จะทำการบริหารความร่ำรวยผ่านสำนักงานครอบครัวมากขึ้น 

“หน้าที่รับผิดชอบเฉพาะของผมคือ การดูแลครอบครัวและสำนักงานครอบครัวข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่” Andy Cohen กล่าว “พวกเขาต้องการที่ปรึกษาทางด้านการเงิน”

Andy Cohen ดูแลการทำงานของ 23 Wall ร่วมกับผู้บริหารความมั่งคั่งของ JPMorgan คนอื่น ๆ และบริหารทีมที่ประกอบไปด้วยผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหลายเมืองใน 6 ประเทศ รวมไปถึงปารีส, ฮ่องกง และซานฟรานซิสโก โดยกว่าครึ่งของผู้ใช้บริการบริษัทนี้เป็นชาวสหรัฐฯ

แม้ว่าบริษัทนี้ จะไม่ได้ระบุความมั่งคั่งขั้นต่ำ แต่เป็นที่ชัดเจนว่า พวกเขาจะเปิดให้บริการแก่เหล่ามหาเศรษฐีที่สัดส่วนคิดเป็นจำนวน 0.01% ของโลก


ที่มา: Bloomberg