Bitcoin ปิดเดือนพฤษภาคมมาด้วยผลตอบแทนที่ติดลบ 7% ซึ่งนับเป็นเดือนแรกที่ Bitcoin ติดลบนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ถ้าหากลองมองย้อนไปในเดือนพฤษภาคมครั้งก่อน ๆ จะเห็นว่าราคา Bitcoin ในเดือนพฤษภาคม 2021 นั้นติดลบถึง 35.38% ส่วนในปี 2022 นั้นติดลบ 15.56%
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Bitcoin ปิดท้ายวันด้วยมูลค่าที่ลดลงประมาณ 2.0% เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น โดยเป็นผลมาจากการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ และคำกล่าวของ Fed ที่ระบุว่า “ไม่เห็นเหตุผลในการหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคา Bitcoin ถูกปฏิเสธจากความพยายามในการยืนเหนือเส้น Moving Average ราย 50 วัน และคอนเฟิร์มแนวโน้มขาลงที่เซ็ตตัวขึ้นในระหว่างจุดสูงสุดในเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม โดยในภายหลัง นักวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจจะร่วงทำระดับต่ำสุดอีกครั้งที่ระดับต่ำกว่า 26,000 ดอลลาร์
Bitcoin จะมีทิศทางเป็นอย่างไรในเดือนมิถุนายนนี้ ?
ข้อมูลทางสถิติบอกเราว่า โดยเฉลี่ยแล้วเดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดของ Bitcoin เพราะตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา Bitcoin มักจะมีการมูลค่าเฉลี่ยลดลงอยู่ที่ประมาณ 7% ในเดือนมิถุนายน
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือข้อเท็จจริงที่ว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin โดยเฉลี่ยนั้น จะลดลงไปประมาณ 15.6% ในเดือนมิถุนายน
การคาดการณ์ว่าราคาจะลดลงมากกว่า 15% ในเดือนมิถุนายนนี้ อาจจะฟังดูมากเกินไปเล็กน้อย แต่จากการวิเคราะห์กราฟ ชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านราคายังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงในเดือนนี้
จากกราฟด้านบน แสดงให้เห็นว่า Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงระยะกลาง (medium-term downtrend) อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในเศรษฐกิจมหภาคยังเป็นการยืนยันแล้วว่าแนวโน้มขาลงนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลการจ้างงานภาคบริการ (PMI) และข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นั้นได้ส่งผลกระทบต่อ Bitcoin มากกว่าที่หลาย ๆ คนคาดไว้ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดที่ว่า Fed จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลและคำวิจารณ์ที่ชัดเจนจากผู้กำหนดนโยบายของ Fed ยังบังคับให้ตลาดต้องยุติการเดิมพันในสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ที่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นแบบยกกำลังสอง
และในเดือนมิถุนายนนี้ หากอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงจนไม่อาจยอมรับได้ ในที่สุด Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ และราคา Bitcoin ก็อาจลดลงไปอีก
ที่มา: cryptonews