<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Rug Pull ในวงการหุ้นไทย ? : ราคาหุ้น STARK ร่วงดิ่งกว่า 90% ผันผวนหนักไม่แพ้ Crypto

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ร่วงดิ่งถึง 92% ลงมาอยู่ที่ 0.20 บาท หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดทำการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน

บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มุ่งลงทุนในธุรกิจด้านการผลิตและการให้บริการในภาคอุตสาหกรรม มีบริษัทย่อยคือบริษัทผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล รวมไปถึงบริษัทที่ให้บริการด้านทรัพยากรบุคคล โดยบริษัทนี้ ขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรมหาชนในปี 2019

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น STARK กลับร่วงดิ่งจากราคาเดิมที่ 2.38 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และร่วงลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 0.20 บาทในขณะนี้ ทำเอาเหล่านักลงทุนรู้สึกหวั่นใจไปตาม ๆ กัน

เกิดอะไรขึ้นกับบริษัท STARK ?

STARK ถูกสั่งห้ามซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการขึ้นเครื่องหมาย “SP” ซึ่งเป็นเครื่องหมายห้ามให้มีการซื้อขายหุ้นตัวนั้นเป็นการชั่วคราว ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 ได้ภายในเวลาที่กำหนด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดให้ทำการซื้อขายหุ้นนี้อีกครั้งในวันที่ 1 และจะปิดให้ทำการซื้อขาย 30 มิถุนายนนี้ รวมเป็นระยะเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ หุ้นตัวนี้ยังถูกขึ้นสัญลักษณ์เตือนด้วยว่า ในขณะนี้ บริษัทนี้อาจกำลังเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและการดำเนินธุรกิจ 

คุณ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการ CEO ของบริษัท เปิดเผยว่า ผู้สอบบัญชีของบริษัทตรวจพบความผิดปกติในงบการเงิน ทำให้บริษัทไม่สามารถปิดงบการเงินได้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้ยืนยันว่า บริษัทจะสามารถส่งงบการเงินที่กำลังมีปัญหาได้ภายในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่คลี่คลายลง

นอกจากการตรวจพบความผิดปกติแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดเดิมของบริษัทยังแจ้งลาออกพร้อมกันรวม 7 คน รวมไปถึงการเปลี่ยน CFO และผู้ควบคุมดูแลบัญชีของบริษัทอีกด้วย

การผิดนัดชำระของบริษัท เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บริษัทกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โดยทางบริษัทได้ผิดนัดชำระมาแล้วถึง 3 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เหล่านักลงทุนพากันเรียกคืนมูลค่าค้างชำระรวม 2.2 พันล้านบาท และเกิดการแห่เทขายหุ้นตามมา

การ Rug Pull ในวงการ Crypto กับราคาหุ้น STARK

สำหรับวงการ Crypto การ “Rug Pull” คือการที่โปรเจกต์ใดโปรเจกต์หนึ่ง เปิดตัวโทเค็นของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนในโทเค็นนั้น ๆ  ก่อนที่สุดท้ายโปรเจกต์นั้นจะถูกยุบ ทำให้ราคาโทเค็นสูญเสียมูลค่าจนแทบกลายเป็น 0 

การ Rug Pull สามารถพบเห็นอยู่บ่อยครั้งในอุตสาหกรรม Crypto โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาด Crypto ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยราคา Bitcoin ที่พุ่งทะยานทำ ATH เมื่อปี 2021 และสร้างความเสียหายให้แก่เหล่านักลงทุนแบบคาดไม่ถึง  โดยการ Rug Pull ครั้งใหญ่ที่สุดในวงการ Crypto คือกรณีของเหรียญ OneCoin ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่เหล่านักลงทุนไปเป็นมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลลาร์ถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

การ Rug Pull มักตามมาด้วยการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายเสมอ ซึ่งการ Rug Pull จำนวนมาก มักเกิดขึ้นจากเหรียญมีม

กรณีของ STARK จึงอาจไม่ถือว่าเป็นการ Rug Pull เสียทีเดียว เนื่องจากราคาของหุ้น STARK ร่วงลงจากการที่เหล่านักลงทุนแห่เทขายหุ้น เนื่องจากความรู้สึกไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของบริษัท แม้ว่าทางบริษัทจะยืนยันว่าสามารถส่งงบการเงินได้ภายในเดือนนี้ก็ตาม

หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลอดภัยจริงหรือไม่ ?

แม้ว่าราคาหุ้น STARK จะมูลค่าร่วงลงมากกว่า 90% แต่เมื่อเทียบกับราคา Bitcoin ที่ร่วงลดลงประมาณ 80% นั้นทำให้ Bitcoin ถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับหุ้น STARK 

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารและรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นได้ดีกว่าโปรเจกต์ Crypto 

นอกจากนี้ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการขึ้นสัญลักษณ์บอกถึงสถานะของหุ้นนั้น ๆ ยังทำให้นักลงทุนสามารถพิจารณาหุ้นตัวนั้นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งในตลาด Crypto แพลตฟอร์มติดตามราคาอย่าง CoinMarketCap ได้มีการขึ้นสัญลักษณ์แจ้งเตือนใน Crypto บางสกุลเช่นกัน แม้ว่าจะมีความละเอียดน้อยกว่าก็ตาม

นอกจากการแจ้งเตือน รายชื่อผู้บริการและงบการเงินของบริษัท จะมีผลต่อการพิจารณาความปลอดภัยของหุ้นนั้น ๆแล้ว ในตลาด Crypto โปรเจกต์ Crypto บางโปรเจกต์ก็อาจไม่สามารถแสดงรายชื่อของนักพัฒนา รวมไปถึงงบการเงินของโปรเจกต์ได้ ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยนั้นมีมากกว่าหุ้นที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

กล่าวโดยสรุปคือ หุ้นที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจดูมีความปลอดภัยมากกว่า Crypto ประกอบกับการตรวจสอบนักพัฒนาและสถานะของโปรเจกต์ที่ถือว่าทำได้ยากกว่า แต่สิ่งนี้ก็ถูกชดเชยด้วยการที่ Crypto สามารถเข้าถึงนักลงทุนได้ง่ายมากกว่า สามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีเวลาปิดเปิดตลาด

การลงทุนในหุ้นหรือ Crypto ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงเสมอ แม้แต่หุ้นก็เคยมีเหตุการณ์ที่ถูกตั้งบริษัทบังหน้าเพื่อหลอกลวงนักลงทุนอย่างเช่น เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในกรณีของ Theranos บริษัทด้านเทคโนโลยีสุขภาพ ที่ต่อมาถูกกระชากหน้ากาก ที่กลายเป็นเหตุการณ์ฉาวโฉ่ที่ทั้งโลกจดจำ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรทำการศึกษาในหุ้นหรือ Crypto ที่ต้องการลงทุนอย่างรอบคอบและลงทุนในปริมาณที่รับได้ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต

อ้างอิง: