Bitcoin ได้กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากราคาร่วงแตะ 16,000 ดอลลาร์ โดยได้พุ่งทะลุแนวต้านขึ้นมาที่ราคา 20,000 ดอลลาร์ และไปถึง 23,150 ดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์
โดยราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดวิกฤตในภาคการธนาคารที่มีการล้มละลายของธนาคาร Silicon Valley Bank เป็นตัวจุดชนวนในเดือนมีนาคม
Bitcoin ได้กลับขึ้นมาที่ราคา 30,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน
ด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคา Bitcoin ทั้งหมดนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำผู้เชี่ยวชาญจึงเริ่มคาดการณ์แนวโน้มของราคาอีกครั้ง โดยมีนักวิเคราะห์ 3 คนได้คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะพุ่งไปถึง 100,000 ดอลลาร์ในปีนี้ พร้อมกับตลาดเหรียญมีมที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม
Charles Edwards เห็นรูปแบบแผนภูมิ “Bump and Run” ที่มีเป้าหมายราคา 100,000 ดอลลาร์
นาย Charles Edwards นักวิเคราะห์ คริปโต ผู้ก่อตั้ง Capriole Investments ได้เฝ้าดูกราฟของ Bitcoin และพบว่ามันกำลังเข้าสู่รูปแบบแนวโน้มขาขึ้น
รูปแบบนี้เรียกว่า “Bump and Run” เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงอย่างมากแล้วพุ่งกลับขึ้นไปที่เส้นแนวโน้ม เมื่อเส้นแนวโน้มถูกละเมิด รูปแบบจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวที่เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Edwards แนะนำว่า Bitcoin ทะลุเทรนด์ไลน์ในเดือนมีนาคม เมื่อโทเค็นไปถึงระดับราคา 22,000 ดอลลาร์ รูปแบบ “Bump and Run” ไม่ได้ระบุว่า Bitcoin สามารถวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน แต่ Edwards คิดว่ามันอาจไปได้ถึงราคา 100,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ของ Standard Chartered คาดการณ์ว่า $100,000 ภายในปี 2024
นาย Geoff Kendrick นักวิเคราะห์คริปโตของธนาคารข้ามชาติของอังกฤษ Standard Chartered แย้งในรายงานล่าสุดว่า Bitcoin อาจแตะ 100,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2024
รายงานชี้ให้เห็นถึงความวุ่นวายในอุตสาหกรรมการธนาคารเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Bitcoin ในช่วงเวลาที่ความไว้วางใจในสถาบันทางการเงินลดน้อยลง ตำแหน่งของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่ไร้ความน่าเชื่อถือและหายากทำให้มันมีค่าเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ Kenrick ยังกล่าวอีกว่า การหลุด Peg ของเหรียญ Stablecoins ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในปีที่ผ่านมา เป็นประโยชน์ต่อ Bitcoin โดยเขาให้เหตุผลว่านักลงทุนจะมองว่า BTC เป็นตัวเก็บมูลค่าที่ดีที่สุดมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Stablecoin
Adam Beck คาดการณ์ BTC Rush เมื่อ DeFi ล่มสลาย
นาย Adam Beck ผู้สร้าง Hashcoin และ CEO ของ Blockstream เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นใน Bitcoin มานาน และเขาได้คาดการณ์เป้าหมายราคาไว้ที่ 300,000 ดอลลาร์ในช่วงรอบขาขึ้นที่ผ่านมา และแม้ว่าจะไม่ได้ผลอย่างถูกต้อง เขาก็ได้คาดการณ์เป้าหมายราคาอีกครั้งที่ 100,000 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางฤดูหนาวของคริปโต
นาย Beck ได้คาดการณ์ว่า การล่มสลายของระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) จะทำให้เงินไหลกลับเข้ามาที่ Bitcoin หลังจากที่ก่อนหน้านี้เงินทุนจาก Bitcoin ที่ได้ไหลไปยังวงการ DeFi ซึ่งในปัจจุบันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าวงการ DeFi นั้นมีความเสี่ยงเป็นอย่างไร
สำหรับนาย Beck แล้ว สัญญาณที่แท้จริงของการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ที่จะไปถึงถึง 100,000 ดอลลาร์ จะมาจากความสัมพันธ์ของ Bitcoin จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีสัญญาณของสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของ Bitcoin กับ S&P 500 อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2021
หากการวิเคราะห์ราคา Bitcoin ของนักวิเคราะห์เหล่านี้เป็นจริง นั้นหมายความว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าจากราคาในตอนนี้ แต่เมื่อเราพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะตลาดซบเซาทำให้ผลตอบแทนนี้อาจไม่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน
กระแสเหรียญมีมในตลาดคริปโต
หลังจากการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของเหรียญ Dogecoin ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ทำให้กระแสเหรียญมีมกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในตลาดคริปโต โดยเหรียญ Wall Street Memes ($WSM) ได้กลายเป็นเหรียญที่กำลังได้รับการพูดถึงในแพลตฟอร์ม Reddit ในช่วงนี้
โปรเจ็ค Wall Street Memes ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามด้วยการเปิด Presale ไปแล้วกว่า 2.4 ล้านดอลลาร์
โปรเจ็ค Wall Street Memes ไม่ใช่โปรเจ็คหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการคริปโต โดยก่อนหน้านี้พวกเขาได้เคยเปิดตัว คอลเลคชัน NFT Wall Street Bulls ซึ่งขายหมดภายในเวลาเพียง 32 นาที และกวาดรายได้ไปถึง 2.5 ล้านดอลลาร์
นอกจากโปรเจ็ค Wall Street Memes แล้ว ยังมีโปรเจ็ค Web3 ที่ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจจากนักเทรดและนักลงทุนคริปโต ซึ่งก็คือโปรเจ็ค Launchpad ($LPX)
Launchpad XYZ ($LPX) เป็นฮับ Web3 ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดและนักลงทุนคริปโตสามารถเข้าถึงเหรียญ ArbDoge, PepeCoin หรือ Bored Ape Yacht Club ได้ก่อนนักลงทุนคนอื่น ๆ โดยโปรเจ็คนี้มุ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลที่ให้ข้อมูลของตลาดคริปโตเชิงลึก
ด้วย Launchpad XYZ นักลงทุนสามารถประเมินการขาย Presale ของเหรียญคริปโต, การเคลื่อนไหวของราคาเหรียญต่าง ๆ , การ mint NFT ตัวใหม่และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในเแพลตฟอร์มจะมีการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความรู้สึกทางโซเชียลมีเดีย ความผันผวนของราคา และแนวโน้มของอุตสาหกรรมคริปโต
นอกจากนี้ Launchpad XYZ กำลังพัฒนาโปรแกรมตรวจสอบข้อมูลเฉพาะของตัวเองเพื่อให้คะแนนคริปโตหรือ NFTs ทั้งหมดที่มีโอกาสเกิดการพุ่งอย่างรุนแรง ซึ่งเรียกว่า Launchpad Quotient โดยคะแนนดังกล่าวจะบอกนักลงทุนว่าสิ่งใดควรให้ความสนใจและสิ่งใดควรเพิกเฉย
โปรเจ็คคริปโตเกี่ยวกับ AI
นอกจากนี้กระแสเหรียญมีมจะเป็นที่นิยมในปัจจุบันแล้ว กระแสของ AI ในปัจจุบันก็โด่งดังไม่แพ้กัน โดยโปรเจ็คคริปโตที่เกี่ยวข้องกับ AI ตอนนี้ที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือโปรเจ็ค yPredict.ai ซึ่งตอนนี้กำลังสร้างแพลตฟอร์ม AI แบบ All-in-one สำหรับนักเทรดและนักวิเคราะห์คริปโต
สิ่งที่ทำให้แพลตฟอร์ม yPreedict เป็นที่สนใจก็คือ การที่อนุญาตให้นักวิเคราะห์ และนักพัฒนาสามารถสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ของราคาโดยใช้ AI โดยโมเดลนี้ได้ถูกเทรนออกมาเพื่อช่วยนักเทรดในการตัดสินใจในการลงทุนคริปโตในระยะสั้นและระยะยาว
yPredict จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถขายการวิเคราะห์ข้อมูลของตนเองได้ และนักเทรดสามารถซื้อการวิเคราะห์ข้อมูลแบบจำลองได้อย่างไม่จำกัด โดยทางแพลตฟอร์ม yPredict จะสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ของแพลตฟอร์มเองโดยใช้นักพัฒนา AI Top 1% แรก
ในการใช้งานแพลตฟอร์ม yPredict นักเทรดต้องใช้เหรียญ YPRED ซึ่งเป็น Native Token ของแพลตฟอร์มในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ในแพลตฟอร์ม และใช้เป็นส่วนลดการซื้อขายและอื่น ๆ อีกมากมาย