Raoul Pal อดีตผู้บริหารของ Goldman Sachs และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค ออกมาแสดงความเห็นว่า Bitcoin (BTC) มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากกระแสการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐที่ถูกผลักดันอย่างมีนัยสำคัญโดยผู้กำหนดนโยบายการเงิน
เขาเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ต่อผู้ติดตามกว่า 1.1 ล้านคนว่า เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายกำลังใช้แนวทาง “debase” หรือการลดมูลค่าของดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรับมือกับภาระหนี้สินขนาดใหญ่ที่รัฐบาลและภาคธุรกิจต้องเผชิญ
Pal ชี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าจะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญต่อการขยายตัวของสภาพคล่องทั่วโลก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin และคริปโตโดยรวม
“ทุกฝ่ายต่างต้องการให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง เพื่อชำระหนี้ที่ผูกไว้กับดอลลาร์ ไม่มีใครอยากให้มันลดเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินเสียหาย แต่การลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเป็นสิ่งจำเป็น นี่คือรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุดของสภาพคล่องโลก และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของ M2 ทั่วโลกในขณะนี้”
นอกจากนี้ Pal ยังสนับสนุนมุมมองขาขึ้นของเขาด้วยข้อมูลความสัมพันธ์ของ Bitcoin กับ “สภาพคล่องโลก” โดยระบุว่า BTC มีความสัมพันธ์กับตัวชี้วัดนี้สูงถึง 87% และเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตอย่างชัดเจน
“ดูตัวอย่างปี 2020 ที่ Bitcoin พุ่งแรงจากผลของภาวะถดถอยและการอัดฉีดสภาพคล่อง”
เขาแชร์กราฟเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นว่า Bitcoin มักจะเคลื่อนไหวตามสภาพคล่องของโลก โดยมีระยะเวลาประมาณ 12 สัปดาห์
“บางที มันอาจง่ายขนาดนั้นจริง ๆ ถ้าสิ่งนี้เป็นจริง ก็พิสูจน์ได้ชัดว่าสภาพคล่องคือปัจจัยหลักที่สุดในตลาด ไม่ใช่ภาษี ไม่ใช่นโยบาย ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่เรื่องเล่าอื่นใด”
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: DailyHODL