รายงานฉบับใหม่จาก River พบว่า ปัจจุบันสหรัฐอเมริการมีการถือครอง Bitcoin ในสัดส่วนที่สูงถึง 40% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด ในขณะที่ประชาชนกว่า 14.3% ของประเทศถือครอง Bitcoin ซึ่งมากกว่าทั้งยุโรป โอเชียเนีย และเอเชียรวมกัน
ในด้านการขุด ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิต Bitcoin ใหม่คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 38% ของตลาดโลก และนับตั้งแต่จีนสั่งแบนการขุดในปี 2021 สหรัฐฯ ก็ยังคงรักษาตำแหน่งศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้ไว้อย่างต่อเนื่อง
ถัดมาทางฝั่งของบริษัทที่ถือครอง Bitcoin สหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นผู้นำเช่นเดิม โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 94.8% ของบริษัททั่วโลก และมีมูลค่าการถือครองรวมกันกว่า 1.26 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนั้นรวมถึงบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่าง Strategy รวมไปถึงบริษัทเหมืองขุดขนาดใหญ่หลายแห่ง
ขณะเดียวกัน Bitcoin ก็กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ที่ชาวอเมริกันให้ความสนใจมากขึ้นจนแซงหน้าทองคำ โดยผลสำรวจระบุว่ามีชาวอเมริกันมากกว่า 49.6 ล้านคนที่ถือครอง Bitcoin เทียบกับผู้ถือครองทองคำที่มีเพียง 36.7 ล้านคน

หากเทียบสินทรัพย์ทั้งสองตัวเข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่าสหรัฐฯ มีความได้เปรียบใน Bitcoin มากกว่าทองคำอย่างชัดเจน โดยสหรัฐฯ ถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกเพียง 29.9% เท่านั้น ขณะที่ในฝั่งของ Bitcoin สัดส่วนถือครองกลับสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น สหรัฐฯ จึงได้เปรียบประเทศอื่น ๆ เป็นอย่างมากในการจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin และด้วยการที่ Bitcoin มีอุปทานจำกัด ประเทศที่มีการจัดตั้งทุนสำรองเป็นรายแรกจะยิ่งชิงความได้เปรียบมากกว่าใครเพื่อน
ในทางการเมือง การสนับสนุน Bitcoin กำลังได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ โดยในปัจจุบันมีสมาชิกวุฒิสภา 59% และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 66% ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนนโยบายเป็นมิตรกับ Bitcoin อย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคต

สุดท้ายนี้ การวิจัยดังกล่าวยังได้ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้ตอบแบบถามที่มีอัตราการถือครอง Bitcoin สูงที่สุดในสหรัฐฯ คือผู้ชายชาวอเมริกันช่วงอายุ 31–35 ปี และ 41–45 ปี โดยมีสัดส่วนการถือครองอยู่ระหว่าง 3% ถึง 41% ในแต่ละกลุ่มอายุ ในขณะที่มุมมองทางการเมือง กลุ่มที่ระบุตัวตนว่าเป็น “เสรีนิยมอย่างมาก” หรือ “เป็นกลาง” มีแนวโน้มถือครอง Bitcoin มากกว่ากลุ่มอนุรักษนิยม แม้ว่ากลุ่มอนุรักษนิยมจะยังคงเป็นสัดส่วนสำคัญของผู้ถือครองเช่นกัน

ที่มา : Bitcoin Magazines