Shytoshi Kusama หัวหน้าทีมพัฒนาสุดลึกลับของโปรเจกต์เหรียญ Shiba Inu กลับมาเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียอีกครั้ง หลังหายเงียบไปนานเกือบสองสัปดาห์ โดย Shytoshi Kusama ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X บอกใบ้ถึง “เอกสาร whitepaper ฉบับใหม่” ที่จะเน้นไปทางด้าน AI ล้วน ๆ ซึ่งทางทีม SHIB กำลังซุ่มพัฒนาอยู่เบื้องหลังมานานหลายเดือนแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ที่จับมือกับ TokenPlayAI พาร์ตเนอร์หลักของ Shibarium
การกลับมาครั้งนี้ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ Kaal Dhairya นักพัฒนาหลักของ SHIB อีกคน ประกาศเปิดตัวเครือข่าย Layer 3 (L3) บน Shibarium ในเวอร์ชันเบต้า ที่ชื่อว่า “Shib Alpha Layer” ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญของระบบนิเวศ SHIB
Shytoshi Kusama บอกใบ้ว่า whitepaper ฉบับใหม่ที่จะออกเร็ว ๆ นี้ จะพูดถึงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับ AI และพาร์ทเนอร์ใหม่ของ SHIB ที่ชื่อ TokenPlayAI ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ด้าน AI ที่ทีม SHIB กำลังซุ่มพัฒนาอยู่นานหลายเดือนแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม Shytoshi Kusama เคยโพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X พูดถึง AI ว่าเป็น “เกมเปลี่ยนโลก” ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึง และเขายังได้เปลี่ยนข้อมูลในประวัติบนแพลตฟอร์ม X ของตัวเองว่า เขากำลังเขียน “whitepaper ฉบับสุดท้าย ที่จะสำรวจเรื่อง AI, Shib และตัวเขาเอง” พร้อมระบุว่า ทีม SHIB อาจมีบทบาทสำคัญใน “ยุคใหม่” ที่กำลังจะมาถึง
ที่น่าสนใจคือ ครั้งนี้ชุมชน SHIB ดูไม่ค่อยตื่นตกใจหรือห่วงอะไรเลยที่ Shytoshi Kusama หายหน้าไป เหมือนทุกคนเข้าใจว่า Shytoshi Kusama คงแค่โฟกัสกับงานเบื้องหลัง เพื่อขยายจักรวาล SHIB ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น
ในวันเดียวกัน Kaal Dhairya ก็ออกมาประกาศเปิดตัว Shib Alpha Layer เวอร์ชันเบต้า ซึ่งเป็นโซลูชันเลเยอร์ 3 ตัวใหม่ ที่สร้างร่วมกับ ElderLabs และรันอยู่บน Shibarium
โดยฟีเจอร์ที่โดดเด่นมีทั้ง UX แบบเชนเดียว, ความเร็วในการทำธุรกรรมระดับทะลุสายฟ้า, การจ่ายค่าธรรมเนียม (gas fee) ด้วยเหรียญอื่น ๆ รวมถึงเหรียญ stablecoin ได้ แถมยังมีระบบ “ShibOS” แบบ plug-and-play ที่ใช้ได้ทันทีอีกด้วย และจะมีระบบ bridging และ interoperability แบบ native ที่พร้อมให้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้
Kaal Dhairya ยังทิ้งท้ายว่า “ยุคของเหรียญมีม SHIB กับ Shibarium มาถึงจุดจบแล้ว” ซึ่งอาจแปลว่า ทีม SHIB กำลังเดินหน้าเต็มสปีด เพื่อก้าวไปสู่โครงสร้างพื้นฐาน Web3 อย่างเต็มตัว
ที่มา : u.today