นักลงทุนส่วนใหญ่ที่อยู่ในวงการคริปโตมานาน จะเคยได้ยินเกี่ยวกับผลกระทบของตลาด Bitcoin Future และตลาด Options ที่มีผลต่อราคาของ Bitcoin มาบ้าง เช่นความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นจากการ Liquidate บัญชีของผู้ใช้ในเว็บเทรด OKEx และ Huobi ก่อนหน้านี้
เมื่อพิจารณาจากตลาดฟิวเจอร์สที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ดังนั้นมันจึงมีความจำเป็นที่เราต้องศึกษาตัวชี้วัดที่นักเทรดมืออาชีพใช้เพื่อประเมินกิจกรรมของตลาด
แม้การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาฟิวเจอร์สและสัญญาออปชั่นนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่นักเทรดจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาวิธีตีความค่าพรีเมี่ยม, อัตรา funding rate, options skew และอัตราส่วน put-call ratio
อัตราค่าพรีเมี่ยม
อัตราค่าพรีเมี่ยมในตลาดฟิวเจอร์สจะเป็นตัวชี้วัดว่า สัญญาฟิวเจอร์สในระยะยาวมีค่าธรรมเนียมราคาแพงมากน้อยเพียงใด ณ ราคาปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการสะท้อนเชื่อมั่นของนักลงทุน
ปกติแล้วสัญญาฟิวเจอร์สราย 2 เดือนควรมีอัตราค่าพรีเมี่ยมอยู่ที่ระหว่าง 0.8% ถึง 2.3% ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้นและตัวเลขใด ๆ ที่มากไปกว่าช่วงอัตรานี้จะเป็นบ่งบอกให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในช่วงขาขึ้นเป็นอย่างมาก ในทางกลับกันหากการไม่มีอัตราค่าพรีเมี่ยม หรือมีอัตราค่าพรีเมี่ยมที่ต่ำกว่า 0.8% สิ่งนี้จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในช่วงขาลง
ในวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาอัตราค่าพรีเมี่ยมอยู่ที่ระดับ 2% ในขณะที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 19,434 ดอลลาร์
แม้ว่าปัจจุบันอัตราค่าพรีเมี่ยมนั้นจะอยู่ที่ระดับ 1.1% แต่สิ่งที่สำคัญกว่าที่เราต้องรู้เลยก็คือ แม้ราคาจะร่วงลดลงกว่า 14% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อัตราค่าพรีเมี่ยมก็ยังอยู่เหนือระดับ 0.8% โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนมักมองว่าระดับนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงช่วงขาขึ้นและในวันนี้เราก็เห็นแล้วว่าราคา Bitcoin สามารถพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ $ 19,900 ได้สำเร็จ
อัตรา funding rate ของสัญญาฟิวเจอร์ส
โดยปกติแล้วอัตรา funding rate นั้นเป็นเสมือนตัวถ่วงความสมดุลของในตลาดฟิวเจอร์ส แม้ว่าเปิดสัญญาของฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีสัดส่วนที่เท่ากันตลอดเวลา แต่การใช้อัตรา leverage นั้นอาจแตกต่างกันออกไป
เมื่อผู้ซื้อ (longs) เป็นผู้ที่ต้องการใช้ leverage มากขึ้นอัตรา funding rate จะกลายเป็นบวก ในกรณีนี้ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในช่วงภาวะตลาดขาขึ้น
อัตรา funding rate ที่สูงกว่าระดับ 2% ต่อสัปดาห์ขึ้นไปนั้นหมายความว่า นักลงทุนรู้สึกมีความเชื่อมั่นในตลาดช่วงขาขึ้นแบบสุดขีด ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้อัตราเลเวอเรจจากผู้ซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการ Liquidate บัญชีจำนวนมาก หากราคามีการร่วงลดลงอย่างฉับพลัน ดังนั้นอัตรา funding rate ที่ระดับนี้จึงเป็นสัญญาณที่นักเทรดมักจะรู้กันดีว่าราคาเสี่ยงจะร่วงอย่างรุนแรง
Options skew
สัญญา Options นั้นจะแตกต่างจากสัญญาฟิวเจอร์สโดยสิ้นเชิง โดยสัญญา Options นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ระหว่าง Call Option (ผู้ซื้อ) สัญญาที่ช่วยให้คุณได้รับสิทธิในการซื้อ BTC ในราคาแบบคงที่ ณ วันที่หมดอายุสัญญา ในทางตรงกันข้าม Put Option (ผู้ขาย) จะเป็นสัญญาที่ช่วยให้คุณได้รับสิทธิ์ในการขาย BTC ในราคาแบบคงที่ ณ วันที่หมดอายุสัญญา
ตัวชี้วัด 25% delta skew จะเป็นข้อมูลที่ใช้เปรียบเทียบระหว่างสัญญา Call (ซื้อ) และ Pull (ขาย) Options ในแต่ละฝั่ง หากการใช้ Call Option มีส่วนต่างค่าธรรมเนียมที่มากกว่า ตัวชี้วัดจะโน้มเอียงเปลี่ยนไปเป็นลบหมายความว่า ตลาดอยู่ในสถานะที่เป็นขาลง ในทางการตรงกันข้ามหากการใช้ Put Option มีส่วนต่างค่าธรรมเนียมที่มากกว่า ตัวชี้วัดโน้มเอียงเปลี่ยนไปเป็นค่าบวก และสิ่งนี้ก็จะบ่งชี้ได้ว่า นักลงทุนกำลังเชื่อมั่นในช่วงขาขึ้นของตลาด
ความผันผวนระหว่างช่วง -15% (ขาขึ้นเล็กน้อย) ถึง + 15% (ค่อนข้างเป็นขาลง)นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากว่าไม่ตลาดใด ๆ จะทรงตัวหรืออยู่ใกล้ศูนย์ได้ตลอดเวลา
put-call ratio
Put/call ratio เป็นเครื่องมือที่เอาไว้สังเกตพฤติกรรมของนักลงทุนส่วนใหญ่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ในตลาด โดยเป็นการชี้วัดผ่านการเปิด Call Options หรือ Put Options โดยทั่วไปแล้วหากสัดส่วนการเปิดสัญญา Call Option มากกว่า สิ่งนี้จะเป็นการบ่งบอกถึงช่วงขาขึ้น ในทางกลับกันหากสัดส่วนการเปิดสัญญา Put Option มากกว่า มันจะบ่งบอกถึงช่วงขาลง
อัตราส่วน Put-call ratio ที่ระดับ 0.70 จะเป็นการบ่งชี้ว่าการเปิดสัญญา Put Options นั้นมีความล่าช้ามากกว่าการเปิดสัญญา Call ถึง 30% หรือนักลงทุนกำลังเชื่อมั่นในช่วงขาขึ้นอยู่นั่นเอง
ในทางตรงกันข้ามหากอัตราส่วน Put-call ratio อยู่ที่ระดับ 1.20 จะเป็นการบ่งชี้ว่าการเปิดสัญญา Call มีความล่าช้ามากกว่า 20% ซึ่งนักลงทุนกำลังเชื่อมั่นว่าตลาดเป็นช่วงขาลง อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เราควรทราบเลยก็คือตัวชี้วัดจะสรุปผลโดยรวมของตลาด Bitcoin Options ทั้งหมด
แม้ว่าในขณะนี้ราคา Bitcoin จะพุ่งสูงกว่าระดับ $ 19,000 แต่ดูเหมือนว่า อัตรา Put-call ratio จะยังคงอยู่ที่ระดับ 0.64 ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่านักเทรดมืออาชีพยังคงเชื่อมั่นในช่วงขาขึ้นของตลาด
จากที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าตัวชี้วัดทั้งสี่นี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากตลาดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากราคา BTC ได้ร่วงลดลงไปที่ 16,200 ดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้วยราคาที่สามารถกลับฟื้นตัวกลับมาที่ระดับสูงกว่า 19,500 ดอลลาร์อีกครั้ง นักลงทุนส่วนใหญ่จึงต้องการทราบว่า Bitcoin มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะทำลายระดับสูงสุดตลอดกาลในสัปดาห์นี้หรือไม่ ซึ่งจากมุมมองที่ได้กล่าวไปทั้งหมดในบทความนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่สามารถหยุดราคา Bitcoin ไม่ให้พุ่งขึ้นได้อีกแล้ว
<em>มุมมองและความเห็นที่เขียนในบทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น การลงทุนและการซื้อขายทุกครั้งมีความเสี่ยง คุณควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง</em>

