เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรี Liz Truss ของอังกฤษประกาศใช้งบประมาณตามนโยบายลดภาษีในวันที่ 23 กันยายน ส่งผลให้ตลาดการเงินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนักลงทุนส่วนหนึ่งก็ได้ก้าวออกจากเงินปอนด์และมุ่งไปยังการลงทุนใน Crypto
ทั้งนี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัย CryptoCompare เปิดเผยว่าในเดือนกันยายนปีนี้ ปริมาณการแลกเปลี่ยน Bitcoin กับเงินปอนด์โดยรวมได้เพิ่มขึ้น 233% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่การแลกเปลี่ยน Crypto เป็นเงินยูโรก็เพิ่มขึ้น 68% ซึ่งถือเป็นเปลี่ยนแปลงในทำนองเดียวกัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นปริมาณการแลกเปลี่ยน Bitcoin เป็นเงิน Fiat เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับสกุลเงินของประเทศที่พัฒนาแล้ว” Ed Hindi หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Tyr Capital กล่าว
ข้อมูลตลาดและข้อมูลการวิจัยจากแหล่งต่าง ๆ ชี้ไปทางเดียวกันว่า หลังการประกาศใช้งบประมาณของอังกฤษเมื่อวันศุกร์ ค่าเงินปอนด์ในวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่เคยมีมาเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ รวมถึงปริมาณการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินปอนด์และ Bitcoin ที่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 846 ล้านปอนด์
ผู้สังเกตสถานการณ์ในโลก Crypto บางคนกล่าวว่า การที่ปริมาณการแลกเปลี่ยน Bitcoin เป็นเงินปอนด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกันยายนนั้นเป็นภาพสะท้อนถึงจุดยืนที่มั่นคงของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่อยู่นอกกระแสการเงินหลัก
นักวิจัยจาก CoinShares กล่าวว่า “การไหลออกเงินมากจาก GBP ไปยัง BTC บ่งชี้แล้วว่านักลงทุนเห็นคุณค่าของการมีเงินที่มีการกระจายอำนาจแบบ hard-capped ซึ่งไม่มีความเสียหาย และการกระจายอำนาจก็เป็นทางเลือกแทนสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางและรัฐบาล”
ในขณะเดียวกัน ความผันผวนของ Bitcoin ก็ได้ร่วงลดลงใกล้จะแตะต่ำที่สุดในรอบปีแล้ว ตรงกันข้ามกับความผันผวนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020
ปริมาณการแลกเปลี่ยนสกุลเงินปอนด์ข้างต้นได้สะท้อนถึงกรณีที่คล้ายกันอย่างการที่นักลงทุนกระโดดเข้าสู่ตลาด Bitcoin เมื่อเงิน Fiat อยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งรวมไปถึงสถานการณ์ทำนองเดียวกันในรัสเซียและยูเครนในปีนี้
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นถึงความสะดวกสำหรับนักลงทุนรายย่อยในก้าวเข้ามาลงทุนใน Bitcoin แทนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดทองคำหรือ FX
ที่มา: reuters