อะไรจะน่ากลัวไปกว่าการที่เราได้เงินมามากมาย แล้วอยู่ๆมันก็หายไปในพริบตา สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ คือ “ฟองสบู่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งทำให้คนกอบโกยได้กำไรมากมาย และยังทำให้คนล้มละลายมาแล้วนักต่อนัก
เงินที่เราจะขวนขวายหามาแทบตาย จะแหลกสลายหายไปเมื่อฟองสบู่แตกตัว นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของมัน แต่กลับมีนักลงทุนผู้ซึ่งฝากความหวังไว้กับสกุลเงินดิจิตอลอันแรกของโลก “ บิทคอยน์” ด้วยความหวังว่าสิ่งนี้จะไม่แตกตัวเป็นฟองสบู่และหอบเงินของพวกเขาหนีหายไป
“คนที่ไม่เอาเลย” กับ “คนที่มองโลกในแง่ร้าย”
เร็วๆนี้ Bryan Rich หนึ่งในนักเขียนของ Forbes ได้เขียนข่าวในหัวข้อว่า “บิทคอยน์คือฟองสบู่หรือไม่?” Rich เขียนเอาไว้ว่า “ถ้าคุณกำลังหาป้ายเตือนว่าทำไมบิทคอยน์จะไปไม่รอด คุณแค่ลองดูที่สภาพความผันผวนของตลาดบิทคอยน์ทั่วโลกสิ มันไม่ได้ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่ามันจะเวิร์ค”
เขายังยกกรณีเปรียบเทียบของตลาดหุ้นจีนที่อาจจะส่งผลให้เกิดการล่มสลายของตลาดทั่วโลกด้วย ในอีกมุมหนึ่ง New York Post อ้างอิงคำพูดของ Abigail Johnson ผู้ซึ่งเป็น Chief Executive ของ Fidelity Investments ที่ว่า “ผมเป็นหนึ่งในคนมากมายที่มาจากกลุ่มบริษัททางด้านการเงินขนาดใหญ่ กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่สิ้นหวังในการยอมรับสกุลเงินดิจิตอล” เฉกเช่นเดียวกับ Abigail ถึงแม้จะมีคนที่ไม่เชื่อมั่น แต่ก็ยังมีคนที่สนับสนุนบิทคอยน์อย่างล้นหลาม ด้วยความเชื่อว่าบิทคอยน์จะสามารถเป็นสกุลเงินที่นำไปใช้ได้จริง
เหล่าผู้สนับสนุนนี้ยังเข้าใจด้วยว่า เหมือนกับสกุลเงินอื่นๆทั่วไป บิทคอยน์มาจากศูนย์ และมูลค่าของมันนั้นเกิดขึ้นจากความเชื่อของคนที่ถือมันเอาไว้ สกุลเงินนี้ได้ผ่านบททดสอบมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่มันถูกสร้างขึ้นในปี 2008 ท่ามกลางคำครหาว่า บิทคอยน์คือแชร์ลูกโซ่ คือความหลองลวง คือสกุลเงินของอาชญากร หรือแม้แต่ถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งไร้สาระ ไร้คุณค่า
บิทคอยน์คือสิ่งสำคัญของโลกใบนี้
บิทคอยน์เริ่มกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ และมันได้เปลี่ยนมุมมองของโลกต่อการเงินในปัจจุบัน เทคโนโลยีเบื้องหลังบิทคอยน์ ก่อให้เกิดเป็นสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถูกเรียกรวมๆว่า Altcoin แต่ละสกุลเงินที่สร้างมาใหม่เหล่านี้ ก็มีเป้าหมาย ผู้ใช้งาน และการนำไปใช้ที่แตกต่างกัน
บิทคอยน์กลายเป็นทางเลือกของประเทศที่มีปัญหาด้านสกุลเงินจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลหรือด้วยปัจจัยอื่นๆ ประเทศเหล่านั้น เช่น เวเนซูเอลา ไนจีเรย หรือ อินเดีย นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นจากรัฐบาลของหลายๆประเทศ โดยมีญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ต่อจากนี้บิทคอยน์เปรียบเสมือนเงิน
Tim Draper ผู้ก่อตั้งและผู้บริการของบริษัท Draper Fisher Jurvetson บอกเล่าถึงความสำคัญของบิทคอยน์กับ Cointelegraph ว่า
“ในระยะยาว บิทคอยน์จะสำคัญมากกับเศรษฐกิจของโลก จนทำให้ผมคิดว่าราคามันน่าจะยังสูงได้อีก แต่ผมก็คาดว่ามันจะมีความไม่แน่นอนของตลาดเกิดขึ้นอีก สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สิ่งที่บิทคอยน์ได้มอบให้เรา มันคือความคล่องตัวทางการเงิน การเคลื่อนไหวของเงินที่ง่ายขึ้น ถูกลง และสามารถไปได้ทุกที่ ทุกประเทศ”
บางประเทศให้ความสนใจกับบิทคอยน์มากกว่าที่อื่นๆ
เมื่อพูดถึงบิทคอยน์ ประเทศจีนและญี่ปุ่นลอยละล่องมาในฐานะผู้นำของตลาด จีนในตอนนี้เปรียบเสมือนเมืองหลวงแห่งนักขุดบิทคอยน์ และญี่ปุ่นก็เป็นเจ้าแรกในการสนับสนุนและยอมรอบการใช้งานบิทคอยน์
แต่บิทคอยน์ไม่ได้แค่จะถูกใช้งานได้แค่ในไม่กี่ภูมิภาค เหมือนกับที่ Tim Draper พูดไว้ว่า
“ผมคิดว่าบิทคอยน์คือปรากฎการณ์ระดับโลก ความต้องการของบิทคอยน์จะมาจากทั่วสารทิศ ผมทราบมาว่าจีนกำลังใช้บิทคอยน์เพื่อส่งเงินไปต่างประเทศให้ง่ายขึ้น และประเทศอย่างอาร์เจนตินาหรือไซเปรสที่หันมาใช้บิทคอยน์เมื่อสกุลเงินประจำชาติของเขาเริ่มสู้ตลาดไม่ได้อีกต่อไป และยังมี Bitpesa ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนและใช้งานบิทคอยน์ ทำให้เกิดการจับจ่ายบิทคอยน์ได้ง่ายยิ่งขึ้นทั่วทั้งทวีปแอฟริกา”
สำหรับเอเชียตะวันออก บิทคอยน์สร้างแลนด์มาร์กไว้อย่างเหนียวแน่นที่ญี่ปุ่น และเหรียญเจ้าอื่นๆก็กำลังขยายตัว นาย Kagayaki Kawabata จาก Coincheck เสริมว่า “ผมคิดว่าญี่ปุ่นเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดคนสำคัญ ที่ทำให้เหรียญคริปโตและสกุลเงินดิจิตอลมีราคาเพิ่มขึ้น ที่ Coincheck ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายได้มากกว่า 12 สกุลเงินดิจิตอล เรายังเห็นปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นของสกุลเงินอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าผู้คนกำลังมองหาสิ่งที่จะมาท้าทายตลาดต่อจากบิทคอยน์”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น