ในขณะที่ราคาของ bitcoin ได้พุ่งไปสูงกว่า 5,500 ดอลลาร์ทำให้เป็นที่ประจักษ์ถึงการยอมรับถึงมูลค่าของตัวมัน การถูกยอมรับและผลักดันหลายๆประเทศ แต่ว่าในอดีตมันไม่ได้ถูกยอมรับมากขนาดปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีและระบบที่ bitcoin ใช้แท้จริงแล้วมันเป็นการ Distrupt ระบบเงินและรูปแบบเดิมๆอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ผู้ถืออำนาจดั้งเดิมนั้นคงไม่พอใจนัก ซึ่งอย่างเงินดิจิตอลที่ชื่อ E-gold ก็เคยประสบปัญหานี้และต้องปิดตัวลงไป โดยวันนี้เราจะเล่าให้ฟังถึง Bitinstant ธุรกิจที่ต้องถูกปิดตัวลง
Bitinstant เป็นตลาดแลกเปลี่ยน bitcoin ที่เป็น start up ในนิวยอร์กก่อตั้งในปี 2011 ก่อตั้งโดย Gareth Nelson และ Charlie Shrem โดยให้บริการด้านการซื้อขาย bitcoin เนื่องจากก่อนหน้านั้นการซื้อขาย bitcoin มีแต่ที่ Mt.Gox เท่านั้น
Bitinstant นั้นให้บริการแก่ลูกค้าโดยลูกค้าสามาถซื้อ bitcoin ผ่านร้านสะดวกซื้อกว่า 700,000 แห่งรวมถึง Walmart, Walgreens, และ Duane Reade โดยในช่วงเดือนเมษายนปี 2013 จำนวนธุรกรรมนั้นเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า
ในเดือนพฤษภาคม 2013 Bitinstant มีพนักงาน 16 คนและได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Winklevoss Capital กว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ซึ่งทำให้บริษัทนั้นเติบโตอย่างมาก
ในเดือนมิถุนายน Bitinstant ได้ร่วมมือกับ Jumio ซึ่งเป็น online payment ที่สร้างโดย Daniel Mattes ทำให้ Bitinstant สามารถระบุตัวตนผู้ใช้งานได้ และทำให้ Bitinstant กลายเป็น bitcoin community ที่ขยายตัวได้ไวมากจนในเดือนกรกฎาคม Bitinstant ต้องรับมือกับปัญหาธุรกรรมล่าช้า
แต่ในวันที่ 27 มกราคม 2014 Charlie Shrem ก็ถูกจับที่สนามบิน JFK ในข้อหา “ฟอกเงินโดยการขาย bitcoin มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์ Silkroad” ซึ่งหากใครไม่ทราบ Silkroad เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ใต้ดินที่มีของทุกอย่างรวมถึงยาเสพย์ติด โดยรับ bitcoin เป็นช่องทางชำระเงิน ซึ่งในปัจจุบันนั้นปิดตัวลงไปจากการถูก FBI จับ
โดย Charlie Shrem ได้ทำพลาดที่ไปขาย bitcoin ให้กับ BTCking ซึง BTCking นั้นเป็นผู้ขาย bitcoin ให้แก่ลูกค้า silkroad ซึ่งในตอนที่ Ross Ulbricht ผู้สร้าง silkroad ถูกจับนั้นผู้พิพากษาได้พูดไว้ตอนตัดสินคดีว่าต้องการให้เขาเป็นตัวอย่าง “ถึงทุกคนที่ใช้ bitcoin ทุกๆ คนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีและตลาดที่ไร้กฏระเบียบ open source cryptocurrency เราจะเล่นงานคุณทุกข้อหาหากคุณทำ”
ทาง Charlie Shrem ได้กล่าวกับผู้พิพากษาว่า
“ท่านครับนั้นเป็นลูกค้าคนเดียวของผมจากลูกค้าเป็นแสนเท่านั้น”
และ Charlie Shrem ได้กล่าวไว้ตอนเขาอยู่ในคุกว่า
“ผมไม่ได้ช่วยคนขายยาแต่ผมช่วยคนซื้อผมจึงยอมรับผิดเพราะไม่มีใครสู้คดีชนะหรอก”
Erik Voorhees ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตได้กล่าวว่า
“ซึ่งเรามี ATM อยู่ทุกมุมและธนาคารก็รู้ว่าเงินนั้นอาจถูกนำไปใช้ซื้อยาเสพย์ติด แต่นั้นก็ไม่เป็นไร พวกเค้าทำได้ไม่มีใครโดนจับ จริงๆ Charlie ได้ขาย bitcoin ให้กับคนที่ขาย bitcoin กับคนที่ซื้อยาเสพย์ติดมาเสพย์ ทำให้เค้าติดคุกไป 20 ปี เค้าเป็นแค่นักธุรกิจที่เริ่มสร้างอุตสหกรรมนี้ขึ้นมา คิดค้นบริการที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น ในขณะที่นายธนาคารเกือบจะทำลายเศรษฐกิจโลกและไม่มีใครถูกตั้งข้อกล่าวหาใดๆ เขาเป็นเพียงเด็กอายุ 23 ปีที่ต้องเข้าคุกเพียงเพราะสร้างอะไรที่แตกต่างออกไป”
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
สุดท้าย Bitinstant จึงถูกปิดตัวลงในปี 2014
และปัจจุบัน Charlie ได้ออกจากคุกแล้วในเดือนมิถุนายนปี 2016 ในขณะที่ไม่มีนายธนาคารคนใดถูกจับข้อหาฟอกเงิน ไม่มีผู้บริหารวอลสตรีทคนใดถูกจำคุกจากวิกฤตการเงินปี 2008
เราได้อะไรจากเรื่องนี้
bitcoin นั้นถูกสร้างมาเป็นสกุลเงินเป็นเครื่องมือเป็นสิ่งที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าแต่เมื่อมันถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด คนกลับมองว่า bitcoin เป็นของอันตราย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเงินกระดาษที่เราใช้ในทุกวันนี้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดมากกว่า bitcoin หลายเท่าแต่ไม่มีผู้ใดมองว่ามันเป็นของอันตรายหรือว่าธนาคารที่ผลิตเงินออกมาแล้วมีคนนำไปใช้ในทางที่ผิดต้องถูกจับ bitcoin เป็นนวัตกรรมที่ disrupt รูปแบบการเงินแบบเดิมๆ และคืนความเป็นเจ้าของๆ เงินแก่ทุกคน และแน่นนอนว่านั้นเป็นคอนเซ็ปต์ที่ผู้มีอำนาจเดิมอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่จึงเกิดความไม่เท่าเทียมในรูปแบบนี้ขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น