นาย Kenneth A. Blanco กรรมการผู้จัดการของ FinCEN (the U.S. Financial Crimes Enforcement Network) เผยว่าหน่วยงานตรวจพบรายงานข้อมูลธุรกรรมที่น่าสงสัยที่เกี่ยวข้องกับ crypto มากขึ้น (SARs) ซึ่งตอนนี้มีจำนวนธุรกรรมที่น่าสงสัยเกินกว่า 1,500 ต่อเดือน
นาย Blanco กล่าวในที่ประชุม Chicago-Kent Block Legal Tech Conference ในวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา
นาย Blanco กำหนดบทบาทของ FinCEN ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และสภาพบังคับทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีโดยจะร่วมมือกับ SEC และCFTC (the U.S. Commodity Futures Trading Commission)
“นวัตกรรมการให้บริการทางการเงินเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากก็จริงแต่เราก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าอาชญากรรมทางการเงินก็มีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน หรือบางทีเพราะนวัตกรรมนี้แหละที่เปิดโอกาสให้อาชญากรมีช่องทางในการกระทำความผิด”
Blanco เน้นย้ำว่าเพื่อปกป้องนวัตกรรมของ Fintech การปฏิบัติตามมาตรการข้อบังคับที่เป็นการเฉพาะเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากความรวดเร็วเพิ่มขึ้น ความกว้างขวางและความสับสนที่เกิดจากการก่ออาชญากรรมในโลกดิจิทัลมีเพิ่มมากขึ้น
ตามที่กล่าวไว้ใน FinCEN’s guidelines เมื่อเดือนมีนาคม 2013 การรับหรือการโอนมูลค่าที่ทดแทนสกุลเงิน fiat ซึ่งรวมถึง Cryptocurrency จะถูกพิจารณาเป็นการโอนเงินและจะอยู่ภายใต้กฎหมายเฉพาะแห่งพระราชบัญญัติความลับของธนาคารของสหรัฐอเมริกา (the U.S. Bank Secrecy Act)
ธุรกิจเกี่ยวกับการโอนเงิน (Money transmission businesses) Crypto Exchange ทุกแห่งต้องส่งรายงาน SARs และ CTRs ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ป้องกันการฟอกเงิน (AML) รวมถึงกฎเกณฑ์การต่อต้านการก่อการร้ายทางการเงิน (CFT) ด้วย
นาย Blanco ชี้แจงว่าหน้าที่ของธุรกิจที่ไม่เปิดเผยการให้บริการ (เรียกว่า Mixers หรือ Tumblers) ที่ปกปิดแหล่งที่มาของการโอนเงินคริปโต Exchanges ที่ตั้งนอกเขตสหรัฐอเมริกาแต่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับถิ่นที่อยู่ภายในประเทศก็จะถูกตรวจสอบจากทางหน่วยงานด้วย
ตัวอย่างการดำเนินการของ FinCENs ในปี 2017 ต่อ Russian Crypto Exchange (BTC-e) ที่ไม่กระทำตามกฎเกณฑ์การป้องกันการฟอกเงิน (AML) การส่งรายงาน SARs มีบทบาทสำคัญโดยทั้งธนาคารและ Crypto Exchange อื่นๆต้องยื่นเพื่อให้กฎหมายมีสภาพบังคับ
เขาให้ความเห็นว่าในขณะที่มีการส่งรายงาน SARs เพิ่มมากขึ้น หน่วยงานกลับ “แปลกใจ” มากที่เห็นธุรกิจดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหลังจากที่พวกเขาได้รับการแจ้งเตือนซึ่งเขากล่าวต่อไปอีกว่านี่ไม่ใช่การปฏิบัติตามข้อกำหนด
ผู้ตรวจสอบของ FinCEN, BSA และ Internal Revenue Service (IRS) ได้ทำการตรวจสอบ Crypto Exchanger และ Administrators มากกว่าร้อยละ 30 แล้วตั้งแต่ปี 2014
ส่วนในเรื่องของการทำ ICO นั้น Blanco กล่าวว่าการทำ ICO อาจตกอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐในเขตอำนาจศาลที่ทับซ้อนกันได้แต่การทำตามกฎเกณฑ์ AML / CFT ก็ยังคงต้องทำตามอย่างแน่นอน
ร่างกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ Crypto และ ICO ในกรุง Washingto DC นั้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายและความเสี่ยงของ Coinbase ได้เรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐรวมถึง SEC, CFTS, IRS และ FinCEN ในเรื่องของการขาดการประสานงานซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อนวัตกรรม
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น