อ้างอิงจาก TPSO นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้จัดงานให้ความรู้การใช้ Blockchain ที่กำลังจะมีบทบาทต่อเศรษฐกิจยุคใหม่ในปัจจุบันกับของราชการ และเอกชนไทย
เทคโนโลยี Blockchain นั้นมีข้อดีหลากหลายประการ เช่นสามารถตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมภายในเครือข่ายได้, มีความโปร่งใส, มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถทำให้เกิดการยืนยันตัวทางดิจิทัล และการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ ในการค้าระหว่างประเทศได้
นางสาวพิมพ์ชนก ได้ให้ความเห็นว่าอาจนำ Blockchain มาช่วยภาคเกษตร และการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยอาจมีโครงการด้าน Blockchain 2 โครงการเช่น โครงการ Blockchain เพื่อช่วยเรื่องการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา และ โครงการ Blockchain For Trade Finance เพื่อปรับปรุงกระบวนการชำระเงินของผู้ประกอบการในการส่งออก
“การนำเทคโนโลยี บล็อกเชน มาใช้จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการ ลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐในอนาคต”
นอกเหนือจากโครงการข้างต้นแล้ว สนค. กำลังวางแผนที่จะทดลองใช้ Blockchain ในการค้าข้าวอินทรีย์อีกด้วย ซึ่งจะทำให้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เดิมที่ใช้เวลานานกว่า 15 ถึง 20 วัน เนื่องจากปัญหาด้านเอกสาร และการประสานงานของหลากหลายหน่วยงาน แต่หากใช้ Blockchain ก็อาจใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น พร้อมทั้งยังเพิ่มความโปร่งใส และลดต้นทุนให้กับเกษตรกรได้ด้วย
นางสาวพิมพ์ชนกได้กล่าวถึง ศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain ว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศว่า:
“ดิฉันเชื่อว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง เช่น บล็อกเชน จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ตลอดจนเกษตรกรรายย่อย ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รวมทั้งจะพัฒนาเศรษฐกิจการค้าท้องถิ่นให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน สนค. เชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจไทยได้อย่างแน่นอน”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น