<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ความสำเร็จของเว็บเทรด Binance ถูกผลักดันจากมาตรการปราบปรามคริปโตในจีน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่า มาตรการปราบปรามคริปโตภายในประเทศจีนเมื่อปี 2017 จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เว็บเทรดคริปโต Binance เติบโตแบบก้าวกระโดด

Binance เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2017 โดยมีนาย Changpeng Zhao เป็นผู้ก่อตั้ง และ CEO เขาคลุกคลีกับวงการคริปโตมาพอสมควรก่อนที่จะเปิดเว็บเทรดของเขาเอง

นาย Zhao ก่อตั้งบริษัท Fusion Systems เมื่อปี 2005 ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการระบบเทรดความถี่สูงสำหรับโบรกเกอร์ต่าง ๆ ต่อมาในปี 2013 เขาได้เป็นสมาชิกคนที่สามของทีม Blockchain.info กระเป๋าเก็บคริปโตยักษ์ใหญ่ และเคยเป็น CTO ที่เว็บเทรดอันดับต้น ๆ อย่าง OKCoin อีกด้วย

ถึงแม้นาย Zhao จะมีประสบการณ์ และความชำนาญมากมาย แต่เขาก็กล่าวว่า สิ่งที่ผลักดันให้ Binance พัฒนานวัตกรรมระดับนี้ออกมาได้นั้น มาจากมาตรการต่าง ๆ ภายในประเทศจีน การที่รัฐบาลเริ่มแบนคริปโตกระตุ้นให้นาย Zhao และทีมของเขาวางแผนที่จะไปให้บริการในระดับโลกแทน ซึ่งส่งผลให้เว็บเทรดของเขาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวลาต่อมา

เมื่อเดือนกันยายนปี 2017 ประเทศจีนได้ปล่อยมาตรการปราบปรามเว็บเทรดคริปโตในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ Binance ย้ายสำนักงานใหญ่ และเซิฟเวอร์ไปที่โตเกียวแทน เพราะว่าจะได้ไม่โดนผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

หลังจากนั้น Binance ได้เริ่มขยายเว็บเทรดของพวกเขาไปยังประเทศอื่น ๆ เช่นสิงคโปร์ และไต้หวัน

นาย Zhao ได้อธิบายว่า ในขณะที่เว็บเทรดในประเทศจีนกำลังประสบความยากลำบากในการหาลู่ทางที่จะอยู่รอดกับมาตรการนั้น Binance มองว่า มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่มในการเริ่มเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ และเริ่มตั้งฐานจากส่วนนั้น และดูเหมือนว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นเรื่องที่ถูก

Binance ได้เคลมว่า มีผู้ใช้บริการเว็บเทรดทั่วโลกกว่า 10 ล้านคน เพียงรายได้จากค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมส่วนเดียว พวกเขามีกำไรถึง 350 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือนมกราคม ถึงมิถุนายน 2018

การขยายบริการของธุรกิจเขา ส่วนหนึ่งมาจากสไตล์การใช้ชีวิตของเขา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการว่า เป็นคนที่ท่องเที่ยวไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา นาย Zhao กล่าวว่า เขาได้เดิดนทางไปถึง 8 ประเทศ รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้เพื่อที่จะจ้างพนักงานเพิ่ม, เข้าร่วมอีเวนท์ต่าง ๆ ในวงการคริปโต และดีลอื่น ๆ เขาไม่ได้กลับมาเหยียบที่ประเทศจีนกว่า 1 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่ประเทศจีนใช้มาตรการปราบปรามคริปโตในปีที่ผ่านมา

ที่มาภาพ medium.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น