ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันประเทศไทยเองยังคงใช้ระบบการเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลไว้ที่เซิฟเวอร์เดียว รวมทั้งบางแห่งยังเก็บในรูปแบบกระดาษอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถถูกแฮ็กเข้าไปแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในนั้นได้ ทำให้ไม่เกิดความโปร่งใส และไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วข้อมูลเหล่านั้นถูกหรือผิด
แต่ด้วยความที่เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างฉับไว ปัญหาเหล่านั้นกำลังจะหมดไป เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีการใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่ทำให้การเก็บข้อมูลนั้นเปลี่ยนเป็นแบบกระจายศูนย์แทน ทำให้การเข้าไปปลอมแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นทำได้ยากมาก ๆ รวมทั้งระบบดังกล่าวยังทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้นอีกด้วย เพราะว่าทุก ๆ คนสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทั้งหมด
Blockchain สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายอุตสาหกรรม เช่นการลงคะแนนโหวตเลือกตั้ง ไปจนกระทั่งอุตสาหกรรมการขนส่งเลย แต่ได้มีโปรเจกต์หนึ่งในไทยเห็นว่าปัญหาด้านเอกสารของประเทศไทยนั้นเป็นปัญหา และพวกเขาอยากนำ Blockchain เข้ามาแก้ไข
dLoc คืออะไร ?
อ้างอิงจาก Whitepaper dLoc คือโปรเจกต์ที่นำเอาเทคโนโลยี Blockcahin, RFID (Radio Frequency Identification), NFC (Near Field Communication) มารวมกัน ซึ่งถูกสร้างโดยบริษัท Linxens เพื่อที่จะแก้ปัญหาการปลอมแปลงเอกสาร เช่นโฉนดที่ดิน และใบรับรองการศึกษา รวมทั้งนำข้อมูลเหล่านั้นแปลงจากรูปแบบกระดาษ ไปเป็นดิจิทัลทำให้สามารถดำเนินเรื่องต่าง ๆ แบบออนไลน์อย่างสะดวกรวดเร็วได้
การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการเก็บข้อมูลจะสามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสารข้อมูลเหล่านั้นได้ เนื่องจากเป็นการเก็บข้อมูลแบบ Decentralized
จะมาช่วยประเทศไทยได้ในจุดไหน ?
หลังจากที่อธิบายถึงแนวคิดของโปรเจกต์ อาจจะยังไม่เห็นภาพชัดว่า มันจะเข้ามาช่วยประเทศไทยได้ในจุดไหน หรือกรณีไหนได้บ้าง ?
อ้างอิงจากทาง Linxens พวกเขาได้ให้คำตอบว่า ประเทศไทยนั้นยังมีปัญหาการปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ อยู่มากมาย และสามารถทำการปลอมแปลงได้ง่ายอีกด้วย
“เห็นได้ชัดว่าในประเทศไทย มีการปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ มากมาย และเข้าถึงแหล่งการปลอมแปลงได้ง่าย อย่างเช่น การออกโฉนดทิ่ดินหรือเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ การปลอมแปลงเอกสารผลการเรียน ใบรับรองการจบการศึกษาเพื่อใช้ในการสมัครเข้าทำงาน การปลอมแผ่นป้ายภาษีรถ”
นอกจากนี้ พวกเขายังอธิบายด้วยว่า ในขณะนี้ เป็นเรืองยากมากสำหรับประเทศไทยในการตรวจสอบว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นของจริงหรือปลอม หรือหากมีการตรวจสอบจริง ๆ ก็ใช้เวลามาก
“การปลอมแปลงนั้นยากแก่การตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือปลอม อีกทั้งยังต้องใช้เวลามากในการตรวจสอบ เช่น จะต้องเอาโฉนดไปเช็คกับทางกรมที่ดินว่าเป็นโฉนดจริงหรือเปล่า หรือบริษัทที่เปิดรับสมัครงานอาจจะต้องติดต่อเข้าไปที่สถานศึกษานั้นเพื่อตรวจสอบว่าคน ๆ นั้นผ่านการเรียนและจบหลักสูตรมาจริงหรือเปล่า ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะตรวจสอบ แต่เราสามารถนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสามารถยืนยันได้ว่าเอกสารนั้น ๆ เป็นของจริง”
กลุ่มเป้าหมายหลัก
ไม่ว่าองค์กร หรือหน่วยงานไหนต่างก็มีเอกสารทั้งนั้น และการแก้ปัญหาในช่วงแรกก็คงมีประสิทธิภาพกว่าหากโฟกัสไปยังกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้เห็นผลก่อน จึงขยายผลต่อ
ทาง dLoc ได้ระบุว่า พวกเขาต้องการโฟกัสไปยังการแก้ปัญหาของเอกสารต่าง ๆ ที่ออกโดยราชการ เช่น โฉนดที่ดิน, ใบสูติบัตร และใบรับรองการจบการศึกษา เป็นต้น ซึ่งผลประโยชน์จะไปตกที่หน่วยงาน หรือสถานศึกษานั้น ๆ เนื่องจากจะได้รับการยอมรับว่า เอกสารนั้นถูกต้อง, ไม่สามารถปลอมแปลงได้, มีความน่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบได้นั้นเอง
หากโปรเจกต์ดังกล่าวสามารถทำได้จริง ก็คงจะดีไม่น้อยที่ประเทศไทยมีระบบที่ดีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มากขึ้นไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยี Blockchain
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น