<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนชื่อดังคนหนึ่ง สูญเสียกำไรจากคริปโตไปกว่า 1 ล้านดอลลาร์ แต่ยังคงศรัทธามันอยู่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปี 2018 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นตลาดหมีครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโต ทำเอานักลงทุนคริปโตจำนวนมากติดดอยขาดทุนกับย่อยยับ แต่ดูเหมือนว่า การร่วงลงของราคานั้นจะไม่ได้ทำให้นักลงทุนบางคนหมดศรัทธาเลยเช่นนาย Peter McCormack

เรื่องเล่าของนาย McCormack

นาย Peter McCormack เป็นนักลงทุน Bitcoin ชื่อดัง ได้เผยว่า ถึงแม้จะขาดทุน Bitcoin 1 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 32 ล้านบาทก็ตาม แต่เขาก็ยังคงศรัทธาว่า Bitcoin “เป็นพลังเพื่อความดีงาม” อยู่ และได้เตือนคนอื่น ๆ ว่า ควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง

อ้างอิงจาก Bitcoinexchangeguide เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Guardian ว่า:

“ผมน่าจะขายทุกอย่างก่อนที่ฟองสบู่จะแตก ก่อนหน้านี้ผมทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมาและรู้สึกสนุกกว่านี้”

นาย McCormack ได้เผยว่า เขาเคยได้กำไรอย่างมากจาก Bitcoin แต่ก็สูญเสียมันไปเกือบหมดในเวลาต่อมา ได้แต่เสียใจว่าทำไมไม่ยอมขายก่อนที่ราคาจะร่วงลง

เขาได้เล่าว่า ในปี 2017 เขานำเงินจำนวน 5,000 ปอนด์ไปซื้อ Bitcoin ที่ตอนนั้นมีราคาเพียง 600 ดอลลาร์เท่านั้น ทำให้ได้ประมาณ 7 ถึง 8 BTC และนำเงินไปซื้อคริปโตสกุลอื่นจนรวมกันเป็นเงินทั้งหมดกว่า 23,000 ปอนด์

ในเดือนมีนาคม 2017 เงินที่ลงทุนไปของนาย McCormack เติบโตกลายเป็นมูลค่ากว่า 300,000 ดอลลาร์ และเป็น 500,000 ดอลลาร์ ในช่วงมิถุนายน ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกสนใจ Bitcoin เป็นอย่างมาก และเพื่อน ๆ ของเขาก็ถามว่า จะสามารถลงทุนได้อย่างไร

ในช่วงที่ราคา Bitcoin ไปแตะจุดสูงสุดตอนปลายปี 2017 นั้นเอง เงินลงทุนของเขาเติบโตไปเป็น 1.2 ล้านดอลลาร์ เขาเลยตัดสินใจที่จะถือต่อ เพราะคาดหวังว่าจะไปถึง 6.4 ล้านดอลลาร์

ความฝันพังทลาย

ในปี 2018 ราคาคริปโตร่วงลงอย่างหนักในช่วงต้นปี ซึ่งเขาก็ไม่ได้กังวลอะไรและตัดสินใจที่จะถือต่อไป จนเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เงินของเขาก็ลดลง ๆ เรื่อย ๆ โดยคาดหวังว่ามันจะเด้งกลับมา

“ในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา ผมได้แต่มองเงินของผมลดลง ๆ เรื่อย ๆ ผมคิดอยู่ตลอดว่า ‘ช่างมัน ถ้าขายตอนนี้ก็คงไม่มีผลอะไรแล้ว’ และด้วยทัศนคติแบบนั้นตลอดทั้งปี ทุก ๆ สิ่งที่ผมลงทุนมาก็ได้หายไปกับตาเกือบทั้งหมด”

อย่างไรก็ตาม เขายังคงเชื่อมันใน Bitcoin อยู่ และโฟกัสไปยังการใช้งาน Bitcoin และคาดหวังอยู่ว่าเมื่อไรมันจะกลับขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวนี้ก็คงเป็นเรื่องราวของนักลงทุนอีกหลาย ๆ คนเช่นกัน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น