คณะกรรมการเทรดฟิวเจอร์แห่งสหรัฐอเมริกา (CFTC) คาดหวังว่าจะมีบริษัทที่ยื่นขอจดทะเบียนเป็น Clearinghouse มากกว่านี้เพราะอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโตไวมาก
Clearinghouse เป็นสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย และเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความมั่นใจซึ่งกันและกัน โดยทาง CFTC จะคอยตรวจสอบ Clearinghouse อยู่เสมอเพื่อตรวจสอบปัญหาที่อาจส่งผลให้ความสามารถในการทำงานของ Clearinghouse ลดลงและควบคุมความเสี่ยงนั้น
“ความสำคัญของการตรวจสอบความเสถียรทางการเงินนี้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”
นาย J. Christopher Giancarlo ประธาน CFTC กล่าว
ในสหรัฐอเมริกาก็มี Clearinghouse ที่จดทะเบียนไว้หลายแห่งด้วยกัน และอีก 6 แห่งที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งก็คาดว่า Clearinghouse จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ทาง CFTC คาดว่าจะมีผู้เข้ามาจดทะเบียนเป็น Clearinghouse เพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้สนใจในตัวคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ผู้ให้บริการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของคริปโตอย่าง LedgerX ก็ได้ยื่นจดทะเบียนเป็น Clearinghouse เรียบร้อยแล้ว ส่วนทาง ErisX กำลังรอการอนุมัติจาก CFTC อยู่
กลุ่มวิจัยด้านเทคโนโลยีของ CFTC
ทาง CFTC ได้ก่อตั้ง LabCFTC ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งทางประธานของ CFTC มองว่าเทคโนโลยีทั้งสองได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดและพัฒนาการด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก
LabCFTC จะช่วยทำให้ผู้ออกกฎหมายสามารถเข้าใจถึงพัฒนาการด้านเทคโนโลยีมากขึ้นและทำให้มีการออกกฎหมายที่เหมาะสมมากำกับดูแล โดยทาง LabCFTC จะวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดได้อย่างอิสระและไม่ขึ้นกับองค์กรหรือตัวกลางของตลาดอื่น ๆ และทาง CFTC ก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาพิจารณามูลค่าของนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์สำหรับเทราดฟิวเจอร์ของคริปโต
ก่อนหน้านี้ในปี 2017 ทาง CME และ Cboe ได้ออกมาประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์การเทรดฟิวเจอร์ Bitcoin ด้วยเงินสด และทาง ErisX, LedgerX, Seed CX, Bakkt ก็ได้วางแผนจะให้บริการเทรดฟิวเจอร์ Bitcoin แบบ Physical Settlement (สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ตกลงให้มีการส่งมอบสินทรัพย์อ้างอิงในวันที่ระบุให้มีการส่งมอบตามที่ตกลงกัน) อีกด้วย
ที่มา coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น